ส่งของไปจีน เมื่อพูดถึงแล้วหลายคนอาจจะกังวลด้วยข้อบังคับต่างๆ กฏเกณฑ์ที่ผู้ส่งไม่อาจทราบได้ หากไม่ทำการศึกษาหารายละเอียดมาอย่างดี หากคุณเป็นหนึ่งคนที่มีกิจการหรือธุระกับการส่งของไปจีนอยู่บ่อยครั้ง ให้ SME Shipping ของเราช่วยเหลือบริการคุณด้วยประสบการณ์มากมายและทีมงานมืออาชีพที่คุ้นเคยกับการส่งของไปหลากหลายไปประเทศ รวมถึงการส่งของไปประเทศจีนด้วย กับประสบการณ์การส่งของมาตลอดระยะเวลา 15 ปี หลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการส่งของ ดังเช่นของหายระหว่างทางหรือปัจจัยต่างๆ ที่อาจจะทำให้พัสดุถึงช้า ทางเราจะช่วยดำเนินการ อำนวยความสะดวก เพื่อให้คุณสามารถส่งของไปจีนได้อย่างราบรื่น
ด้วยความนิยมรวมไปถึงสัมพันธ์ไมตรีอันดีงามระหว่างประเทศไทยและจีน ทำให้ตลาดการส่งออกไปยังประเทศจีนถือว่าเป็นสิ่งที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สืบเนื่องมาจากคนจีน ชื่นชอบและหลงรักประเทศไทยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น สินค้า บริการ วัฒนธรรม ดังเช่น ธุรกิจร้านอาหาร ร้านนวด ที่ต้องการสินค้าจากไทยแท้ๆ เพื่อความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ และโอกาสทางธุรกิจอันมหาศาล รวมไปถึง สินค้าทางธุรกิจ ได้แก่ สินค้าทางเกษตร วัตถุดิบต่างๆ เห็นได้ชัดว่า คนจีนนิยมแทบทุกอย่างที่จะเป็นไทยเลยก็ว่าได้ ทำให้การส่งของไปจีน ควรเป็นอะไรที่สะดวก ง่ายดาย ไร้ปัญหา เพื่อให้ ธุรกิจหรือการส่งของให้เพื่อนหรือญาติมิตรไม่สะดุด ราบรื่นตลอดทาง
SME SHIPPING เราเป็นบริษัทที่รับส่งพัสดุ เอกสาร หรือสินค้า ที่มีอัตราค่าส่งของไปจีนที่ประหยัดกว่า และไม่ใช่แค่สำหรับระดับธุรกิจ บุคคลทั่วไปที่ต้องการส่ง EMS ไปจีน ส่งของไปจีน เราก็มีบริการให้บริการครบถ้วน แม้ท่านจะส่งอาหารไปจีน หรือส่งจดหมายไปจีน ซึ่ง SME SHIPPING เรามีบริการให้เลือกกับความต้องการของลูกค้าทุกแบบ ไม่ใช่เพียงแค่ลูกค้าภาคธุรกิจ บุคคลทั่วไป ก็มีรูปแบบการส่งที่มีคุณภาพเช่นกัน เราเข้าใจทุกความต้องการของลูกค้าทุกคน ซึ่งมีรูปแบบ ดังนี้
ประกันพัสดุ 10,000 บาท
บริการรับถึงหน้าบ้าน
อัพเดทสถานะได้ตลอด 24 ชม.
ส่งถึงภายใน 2-3 วัน
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วเร่งด่วนและดูแลพัสดุใกล้ชิด
ประกันพัสดุ 5,000 บาท
บริการรับถึงหน้าบ้าน
อัพเดทสถานะได้ตลอด 24 ชม.
ส่งถึงภายใน 3-5 วัน
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วในการจัดส่ง
ส่งพัสดุน้ำหนักเบาไม่เกิน 2 กิโลกรัม มีประกันพัสดุ 1,500 บาท
บริการรับถึงหน้าบ้าน
อัพเดทสถานะได้ตลอด 24 ชม.
ส่งถึงภายใน 7-30 วัน
เหมาะสำหรับลูกค้าที่ขายสินค้า e-Commerce
การส่งทางเรือนั้นสามารถนำส่งสินค้าในราคาที่ถูก เนื่องจากการขนส่งทางเรือต้องใช้ระยะเวลาในการส่งหลากหลายวัน ข้อดีของการส่งทางเรือคือสามารถนำสินค้าขนาดใหญ่นำส่งได้ ซึ่งนั้นหมายความว่า ความจุของปริมาณมากนั้นสามารถนำส่งได้เช่นกัน ยังมาพร้อมความปลอดภัยสูงเพราะความเร็วที่ใช้ในการขับเคลื่อนเรือมีอัตราที่ช้า ทำให้พัสดุไม่ได้รับความเสียหาย
การขนส่งทางอากาศเหมาะกับการนำส่งพัสดุที่ต้องรีบนำใช้ด่วน เช่น เอกสารสำคัญ หรือจะเป็นการส่งของที่มีระยะเวลาจำกัดการใช้งาน เนื่องจากการขนส่งทางอากาศนั้นมีระยะเวลาการส่งที่รวดเร็ว ปลอดภัยกับสินค้าทุกประเภทเพราะมีมาตราการที่เข้มงวด สามารถนำส่งสินค้าได้หลากหลายเที่ยวต่อวัน
ให้พัสดุของคุณถึงที่หมาย SME SHIPPING พร้อมดูแลตลอดการขนส่งของคุณให้ราบรื่น เราพร้อมซัพพอร์ตตลอดการขนส่ง ไม่ว่าจะสามารถติดตามสินค้าได้ 24 ชั่วโมง พร้อมแก้ปัญหาอย่างเคียงข้างคุณให้พัสดุถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัย อีกทั้งยังมีบริการเสริมให้เลือกใช้ “ประกันภัยสินค้าตามมูลค่าจริง” ให้คุณสบายใจตลอดทุกการขนส่ง ไร้ปัญหา ไร้ความกังวลใจ ถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็วและพัสดุไม่ได้รับความเสียหาย
เราให้บริการลูกค้ามามากกว่า 15 ปี ประสบการณ์ของเรา ทำให้เรามีทั้งทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพ ที่พร้อมจะทำให้การส่งของไปต่างประเทศ เป็นเรื่องง่าย
เรามีเครือข่ายบริษัทการขนส่งชั้นนำระดับโลก ครอบคลุมทุกรูปแบบการขนส่งสินค้าทั้งการส่งของไป (ชื่อประเทศ) ทางเรือ หรือส่งของไป (ชื่อประเทศ) ทางเครื่องบิน
เรามีบริการเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้การส่งของไปต่างประเทศของคุณ ได้รับความสะดวก ทั้งการแพ็คสินค้า การจัดทำเอกสารและรับพัสดุถึงที่บ้าน
ส่งถึงมือผู้รับ อย่างปลอดภัย เพราะเรามีบริการเสริมประกันภัยสินค้าตามมูลค่าจริง
สามารถตรวจสอบสถานะได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการของเรา
การมีผู้ใช้บริการซ้ำถึง 80% จากบริษัทชั้นนำในประเทศไทย และการรีวิวของลูกค้า เราพร้อมสร้างความมั่นใจในการส่งของไปต่างประเทศที่มีคุณภาพ ด้วยความเต็มใจ
ติดต่อ SME SHIPPING ผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์, Line@, Facebook Messenger หรือหน้าเว็บของ SME SHIPPING โดยแจ้งรายละเอียดของสินค้าที่ต้องการส่งไปจีน และทางเราจะประเมิณอัตราค่าส่งไปรษณีย์ไปจีนเบื้องต้น แล้วแจ้งราคาให้ลูกค้าทราบ
หากลูกค้าตัดสินใจใช้บริการของ SME SHIPPING เจ้าหน้าที่จะทำการ Booking เพื่อให้ Messenger เข้าไปรับสินค้าถึงมือลูกค้า
Messenger รับสินค้าที่ต้องการส่งถึงมือลูกค้า พร้อมชี้แจงรายละเอียดที่ลูกค้าต้องกรอกข้อมูล และจึงนำกลับมาที่บริษัท
เมื่อของที่ต้องการส่งมาถึงบริษัท สินค้าจะถูกชั่งน้ำหนัก วัดขนาด และแพ็กสินค้าก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายดำเนินการ เพื่อคำนวณราคา และจัดทำเอกสารสำหรับการส่งของให้ลูกค้าทราบ
หากลูกค้ายอมรับข้อตกลงต่าง ๆ ได้แล้ว ก็สามารถดำเนินการส่งออกได้ทันที แต่หากลูกค้าติดปัญหาหรือต้องการปรับเปลี่ยนการส่ง สินค้าก็จะถูกส่งกลับไปที่ขั้นตอนการชั่งน้ำหนัก วัดขนาด และแพ็กสินค้าใหม่ ว่าสามารถปรับลดได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดราคาที่พอใจกับลูกค้า
คำนวณอัตราค่าบริการขนส่งพัสดุไปประเทศจีนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะผ่านหน้าเว็บไซต์หรือติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่โดยตรง
ขึ้นอยู่กับบริการที่ลูกค้าเลือกใช้ และประเทศปลายทาง ตัวอย่างเช่น
เลือกใช้บริการ EXPRESS PREMIUM จะใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 2-5 วันทำการ
เลือกใช้บริการ EXPRESS PLUS จะใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 5-7 วันทำการ
เลือกใช้บริการ AIRMAIL PLUS จะใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 7-30 วันทำการ
ประเทศไทยเรานอกจากมีชื่อเสียงด้านแหล่งท่องเที่ยวแล้ว เรายังสินค้ามากมายที่ได้รับความนิยมและไว้วางใจจากชาวจีน ทำให้การส่งสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆไปวางจำหน่ายนั้นมีอัตราการขนส่งที่มากขึ้น อีกทั้งยังสร้างรายได้และเม็ดเงินจำนวนมากให้ผู้ประกอบการในประเทศไทย สินค้าที่นิยมส่งออกไปมีดังนี้
พัสดุและสินค้าที่สามารถนำส่งไปประเทศจีนได้มีดังนี้
พัสดุและสินค้าที่ห้ามนำส่งไปประเทศจีนมีดังนี้
เขตการปกครองระดับมณฑล หรือ เขตการปกครองระดับที่หนึ่ง เป็นเขตการปกครองระดับสูงสุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีทั้งหมด 34 แห่ง จำแนกเป็น 23 มณฑล , 4 นครปกครองโดยตรง, 5 เขตปกครองตนเอง และ 2 เขตบริหารพิเศษ สถานะทางการเมืองของมณฑลไต้หวันและส่วนเล็กๆ ของมณฑลฝูเจี้ยนนั้น ยังคงเป็นข้อพิพาท ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสาธารณรัฐจีน
ทุกมณฑลในจีนแผ่นดินใหญ่ (รวมทั้งมณฑลไหหลำ) จะมีคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนประจำมณฑล นำโดยเลขาธิการ ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการพรรคมีอำนาจในการบริหารมณฑลมากกว่าผู้ว่าการมณฑล
มหานครเป่ยจิง (ปักกิ่ง)
มหานครจุงกิง (ฉงชิ่ง)
มหานครซ่างไห่ (เซี่ยงไฮ้)
มหานครเทียนจิน (เทียนสิน)
เขตบริหารพิเศษเซียงก่าง (ฮ่องกง)
เขตบริหารพิเศษเอ้าเหมิน (มาเก๊า)
เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วง กว่างซี (กวางสี)
เขตปกครองตนเองเน่ยเมิ่งกู่ (มองโกเลียใน)
เขตปกครองตนเองชนชาติหุย หนิงเซี่ย
เขตปกครองตนเองอุยกูร์ ซินเจียง
เขตปกครองตนเองซีจ้าง (ทิเบต)
มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง)
มณฑลกุ้ยโจว
มณฑลกานซู่
มณฑลจี๋หลิน
มณฑลเจียงซู
มณฑลเจียงซี
มณฑลเจ้อเจียง
มณฑลส่านซี
มณฑลซานซี
มณฑลซานตง
มณฑลชิงไห่
มณฑลซื่อชวน (เสฉวน)
มณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน)
มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน)
มณฑลหูเป่ย
มณฑลหูหนาน
มณฑลเหอเป่ย
มณฑลเหอหนาน
มณฑลเหลียวหนิง
มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ)
มณฑลอานฮุย
มณฑลเฮยหลงเจียง
มณฑลไต้หวัน
การส่งออกสินค้าไทยไปจีน เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่ผู้ประกอบการไทยจำนวนไม่น้อยในปัจจุบันกำลังให้ความสนใจ สิ่งสำคัญอันดับแรกคงไม่ใช่ว่าจะขายไปให้ใครหรือจะขายได้ปริมาณเท่าไร แต่ควรเป็นการสำรวจก่อนว่า ตัวเราได้ทำการบ้านเตรียมพร้อมสำหรับการส่งออกสินค้าไปจีนได้เพียงพอแล้วหรือยัง ? เพราะสิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือต้องมีความรู้ในเรื่องตลาดจีนแต่ละมณฑลกันก่อน
เพราะเรื่องสำคัญที่ทำให้หลายคนเผชิญกับปัญหา เมื่อนำสินค้าเข้าไปขายในจีนก็คือ แต่ละเมืองมีตลาดที่แตกต่างกันอย่างมาก เรียกง่ายๆว่า หลายคนมักเข้าใจผิดว่าตลาดจีนเป็นหนึ่งเดียวกันหมด หมายความว่า สินค้าแต่ละอย่าง ขายดีในเมืองหนึ่ง ก็ไม่ได้แปลว่าย้ายไปเมืองใกล้กันจะขายดีเสมอไปนั่นเอง สาเหตุสำคัญเพราะตลาดจีนแต่ละแห่งไม่เหมือนกันเลย
ดังนั้นก่อนที่เราจะบุกตลาดจีน เราต้องรู้จักกับระดับของแต่ละเมืองในจีน รวมถึงแต่ละโซน เพื่อเพิ่มโอกาสในการบุกตลาดจีน และช่วยลดความเสี่ยงได้ด้วย ต้องเข้าใจก่อนว่า ประเทศจีนมีพื้นที่กว้างใหญ่มหาศาลเป็นอันดับ 3 ของโลก มีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน มากกว่าประเทศไทย 20 เท่า แล้วที่สำคัญคือ เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 4,000 ปี ถือว่าเป็นหนึ่งในแหล่งต้นทางอารยธรรมของโลก อีกทั้งแต่ละพื้นที่แม้จะผ่านกาลเวลามาแล้ว แต่ก็ยังมีความซับซ้อนหลากหลายมิติ ทั้งผู้คน สถานที่ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ดังนั้นในแต่ละโซนจึงมีการเติบโตที่เกี่ยวข้องกับความเจริญในภาพรวมของประเทศที่แตกต่างกันไปด้วย
ในปัจจุบัน จีนได้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก แต่ละเมืองและแต่ละภูมิภาคมีการเติบโต จุดแข็ง จุดด้อย และลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนกันเลย แม้ว่าเชื้อสายที่สำคัญอันดับหนึ่งคือชาวฮั่น ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มประชากรมากกว่า 92% ประชากรของจีนทั้งหมดก็ตาม
ดังนั้น ถ้าเราจะเริ่มการบุกตลาดจีน สิ่งที่เราควรทราบก่อนก็คือ ความแตกต่างของพื้นที่แต่ละโซนอย่างคร่าวๆ อย่างน้อยที่สุดก็ช่วยให้เราประเมินโอกาสและความเสี่ยงได้อย่างแน่นอน
ภาคเหนือของจีน โดยเฉพาะตั้งแต่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนที่มีความคับคั่งมาก ไปจนถึงฮาร์บินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่ติดกับประเทศมองโกลเลีย พื้นที่ทางเหนือนี้มีสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นบ่อยครั้ง และยังเป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญ กรุงปักกิ่ง ถูกสถาปนาเป็นนครหลวงของจีนมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงเมื่อประมาณ 600 ปีก่อน เป็นแหล่งรวมความเจริญและศูนย์กลางปกครองของประเทศจีน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการต่าง ๆ และมีการจัดงานมหกรรมสำคัญเช่นโอลิมปิก
ปัญหาที่เกิดในช่วงหลายปีหลังคือ เรื่องสภาพภูมิอากาศและความแออัดในเมืองหลวง แม้ว่าปัจจุบันได้รับการรณรงค์ป้องกันสภาพอากาศที่เป็นมลภาวะมากก็ตาม รวมถึงยังมีแผนการที่จะขยายความเจริญไปยังเมืองใหม่ที่จะตั้งขึ้นทางใต้ของปักกิ่งด้วย เพื่อลดความแออัดในปักกิ่งลงด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพอากาศในภาคเหนือของจีนค่อนข้างแปรปรวนและมีลมหนาวเย็นมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะในหน้าหนาว อุณหภูมิจะลดต่ำลงถึงติดลบ มีหิมะตก ในแง่ของการท่องเที่ยวทำให้ในภูมิภาคนี้มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากภาคอื่นๆ คือ เมื่อถึงช่วงฤดูหนาว คนจีนที่มีรายได้ดีและมีฐานะมักส่งพ่อแม่ที่ชราแล้วให้เดินทางออกนอกประเทศเพื่อหนีสภาพอากาศ แล้วไปอยู่อาศัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่มีอุณหภูมิอบอุ่นและติดทะเลอย่างน้อย 2-4 เดือนต่อปี ไม่ว่าจะเป็น ประเทศไทย เกาะไหหลำ (ไห่หนาน) เกาะบาหลี เป็นต้น
เนื่องจากปัจจุบัน กรุงปักกิ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางความเจริญและเป็นศูนย์รวมของการบริหารประเทศ จึงยังคงความเป็นจีนใน่แง่ของชาติที่มีความเข้มข้นสูง ดังนั้นคนต่างชาติที่เดินทางมาต้องปรับตัวพอสมควร แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งมหานครสำคัญที่สุดของจีนที่มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะพัฒนาและปกป้องสภาพแวดล้อมต่างๆ ไว้มากที่สุดด้วย
โซนนี้จะแบ่งเป็นสองส่วนสำคัญ คือโซนตะวันตกทางเหนือ และตอนกลางค่อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อขึ้นไปทางเหนือของโซนนี้ ในอดีตเมื่อ 2,000 กว่าปีที่แล้วก็คือเส้นทางสายไหม ที่พระเจ้าฮั่นอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นได้ดำเนินโครงการเพื่อเชื่อมต่อประเทศจีนกับโลกภายนอกไปจนถึงทวีปยุโรปเอาไว้ แต่ที่อยากจะเน้นหนักคือ ทางตะวันตกตอนในและตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งมีสองหัวเมืองที่สำคัญอันดับต้นๆ ของจีนซึ่งคนไทยเราก็คุ้นชื่อกันดี นั่นคือ นครเฉิงตู และ คุนหมิง
ด้านนครเฉิงตู เป็นหัวเมืองเอกของมณฑลเสฉวน หรือที่หลายคนรู้จักเนื่องจากในประวัติศาสตร์นี่ก็คือเมืองหลวงของอาณาจักรจ๊กก๊ก (สู่) ที่ก่อตั้งโดยเล่าปี่ในยุคสามก๊กนั่นเอง เมืองนี้จึงมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและยังเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวอันดับต้นๆของจีนด้วย
สภาพภูมิประเทศนั้น เต็มไปด้วยภูเขาล้อมรอบมากมาย มีแหล่งธรรมชาติ แม่น้ำตัดผ่าน สภาพภูมิอากาศค่อนข้างสบายคล้ายกับเซี่ยงไฮ้
ลักษณะการใช้ชีวิตของผู้คนฝั่งนี้จะค่อนข้างอยู่กินอย่างสบายๆ แม้จะเป็นเมืองใหญ่ แต่การแข่งขันก็ยังไม่รุนแรงมากเหมือนกับกรุงปักกิ่งหรือนครเซี่ยงไฮ้ เพราะที่เสฉวนยังมีลักษณะของการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายอยู่นั่นเอง
แต่ในปัจจุบัน เฉิงตู ได้พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นแหล่งนำเข้าและส่งออกที่สำคัญของจีน เนื่องจากเป็นเส้นทางสำคัญสำหรับยุทธศาสตร์ One Belt Road รวมถึงมีเส้นทางรถไฟเดินทางไปถึงทวีปยุโรปด้วย ที่นี่จึงเป็นเส้นทางผ่านสำหรับจีน-ยุโรปที่สำคัญ แล้วยังสามารถเดินทางลงมายังภูมิภาคอาเซียนได้ด้วย แต่ก็เป็นแหล่งที่มีภัยธรรมชาติเช่นแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง ที่เฉิงตูยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ในยุคสามก๊กที่โดดเด่นด้วย
นครเสฉวนเป็นแหล่งสำคัญที่ผู้คนนิยมจับจ่ายซื้อสินค้าแบรนด์ Luxury ที่มาแรงและน่าจับตามองมากที่สุด ซึ่งบรรดาแบรนด์ชื่อดังที่เข้ามาในตลาดจีนมักทดลองทำทางการตลาดรูปแบบต่าง ๆ กับที่เสฉวนนี้ก่อนจะไปที่อื่น
ภาคใต้ของจีน ปัจจุบันเป็นประตูสำคัญสำหรับการติดต่อค้าขายกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย และคนจากมณฑลกวางตุ้งที่อยู่ทางใต้ของจีน คือกลุ่มคนที่เข้ามาเมืองไทยมากที่สุดด้วย
สำหรับเมืองกว่างโจวและเซินเจิ้น ปัจจุบันได้กลายเป็นสองเมืองสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยไม่สามารถมองข้าม หรือจะกล่าวว่าเป็นไฟท์บังคับ ถ้าจะบุกตลาดจีนเลยก็ว่าได้ แต่เดิมที นครเซินเจิ้นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองการผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคของจีนในอันดับต้นๆ แล้วยังสามารถเดินทางติดต่อกับเกาะฮ่องกงได้ด้วย ในขณะที่กว่างโจวซึ่งอยู่ในมณฑลกวางตุ้งนั้นก็เป็นจุดศูนย์กลางในการค้าขายของจีน
แต่ละปีจะมีการจัดงานมหกรรมแสดงสินค้า Canton Fair สองครั้งต่อปี ซึ่งได้รับความสนใจจากนักธุรกิจ นักลงทุน จากทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้ยังมีเมืองสำคัญเช่นนครเซินเจิ้นและเมืองหางโจว ทั้งสองแห่งเป็นเมืองสำคัญด้านอุตสาหกรรม การผลิต แล้วยังเป็นที่ตั้งของบริษัท Tencent ซึ่งเวลานี้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดของจีน ในขณะที่เมืองหางโจวเองก็เป็นที่ตั้งของเครือ Alibaba ซึ่งเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจ E-Commerce ของจีน
ทั้งสองเมืองนี้ยังมีความสำคัญในแง่ของการเป็นเมืองแห่งโรงงานและการผลิต สำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะนำเข้าสินค้าจากจีน สองเมืองนี้คือช่องทางสำคัญที่จะต้องติดต่อด้วย แล้วยังมีราคาค่อนข้างถูก ซึ่งแม้ว่าในอดีตจะมีปัญหาในเรื่องคุณภาพสินค้าอยู่บ้าง จากการที่มีคำล้อเลียนว่าเป็นของก็อปจากเซินเจิ้น แต่ทุกวันนี้ทางเซินเจิ้นก็ได้พยายามที่จะยกระดับคุณภาพสินค้าให้น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น แต่สำหรับผู้ประกอบการไทยเองก็ยังต้องระวังในการมองหาสินค้าต่างๆ จากที่นี่เช่นกัน
ในบรรดาเมืองต่างๆ คนไทยมีโอกาสไปทำธุรกิจที่สองเมืองนี้ได้สะดวกกว่าที่อื่น เนื่องจากปัจจุบันมีสถานกงสุลที่กว่างโจวเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ต้องการไปทำธุรกิจหรือบุกตลาดจีน
ในภาคตะวันออกเป็นแหล่งความเจริญและการลงทุนจากต่างแดนของจีน โดยเฉพาะที่นครเซี่ยงไฮ้นับว่าเป็นเมืองสำคัญที่สุดไม่ใช่แค่ในภาคตะวันออก แต่เป็นอันดับหนึ่งประเทศจีนด้วย ปัจจุบันเป็นเมืองสำคัญในด้านเศรษฐกิจ และการเป็นแหล่งลงทุนจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ มหานครเซี่ยงไฮ้ยังเป็นเมืองสำคัญทางด้านการลงทุนของจีน ที่ปัจจุบันมีชาวต่างชาติเข้าไปใช้ชีวิตอยู่อาศัยได้อย่างสะดวกและง่ายที่สุด มีการเปิดกว้างด้านวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ต่างๆ ไปจนถึงมีบางเขตที่สามารถเปิดให้บริการใช้งานโซเชียลมีเดียสำหรับชาวต่างประเทศด้วย นครเซี่ยงไฮ้ยังเป็นเมืองใหญ่ที่มีอาณาเขตติดกับมหาสมุทร ดังนั้นจึงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญด้านการส่งออกและนำเข้าไปจนถึงระบบ Logistics และการเชื่อมต่อกับประเทศอื่นๆ ในภาคตะวันออกของเอเชีย โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี เป็นต้น
ดังนั้น ที่เซี่ยงไฮ้ จึงถือว่าเป็นเมืองใหญ่ที่มีค่าครองชีพสูงสุดอันดับต้นๆ ของจีน มี GDP สูงถึง 9.1 ล้านล้านหยวน หากไม่นับปักกิ่งแล้ว ถือว่าเซี่ยงไฮ้มีส่วนสำคัญมากที่ทำให้ภูมิภาคนี้มีศักยภาพในระดับการเป็นนครหลวงจีน
สำหรับการลงทุนที่นี่จึงจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบคอบอย่างมาก เพราะการแข่งขันสูง แล้วยังมีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย แม้ว่าจะมีโอกาสที่ดี เพราะเมืองนี้ค่อนข้างจะมีความเป็น International ผู้คนในส่วนต่างๆ สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีกว่าเมืองอื่นๆของจีน และมีการพัฒนาใกล้เคียงกับฮ่องกงมาก สิ่งบ่งชี้อย่างหนึ่งคือ เซี่ยงไฮ้เป็นแหล่งที่บริษัท C.P. หรือที่ในภาษาจีนเรียกว่าเจิ้งต้า ได้เข้าไปทำการเปิดห้างสรรพสินค้าระดับหรูคือ ซุปเปอร์แบรนด์มอลล์ที่ใจกลางนครเซี่ยงไฮ้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยสรุปแล้ว โซนทางตะวันออกของจีนจึงนับเป็นส่วนสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุนจากต่างแดน ซึ่งเวลานี้อัตราส่วนทางเศรษฐกิจของจีนกว่าร้อยละ 50 มาจากแหล่งการเข้ามาลงทุนจากต่างชาติ ทำให้เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่สร้างรายได้ให้กับประเทศจีนมากที่สุด และมีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนและปักหลักอยู่มากที่สุดด้วย
จากบทความข้างต้นจะเห็นได้ว่า แต่ละพื้นที่และภูมิภาคต่างๆ ของจีน มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร ดังนั้นก่อนจะบุกตลาดจีน จึงต้องทำความเข้าใจตลาดที่เราจะเข้าไปด้วย
ไทยและจีน ถือได้ว่ามีสัมพันธไมตรี และติดต่อค้าขายระหว่างกันมาช้านานกว่า 700 ปี ซึ่งส่งผลให้วัฒนธรรมและประเพณีของจีน ผสมผสานกับของไทย จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนไทยในปัจจุบัน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีคนเชื้อสายจีนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้คนไทยและคนจีนมีความใกล้ชิดคุ้นเคยกันดั่งเครือญาติ จนมีคำกล่าวว่า “จีน-ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”
ประเทศจีน มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China) ชาวตะวันตกมักจะเรียกประเทศจีนว่า china และขนานนามให้ประเทศจีนเป็น “ดินแดนตะวันออกไกล” เป็นรัฐเอกราชในเอเชียตะวันออก มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงปักกิ่ง และเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก กว่า 1.3 พันล้านคน ซึ่งมีชนชาติต่างๆ อยู่รวมกัน 56 ชนชาติ โดยเป็นชาวฮั่นร้อยละ 93.3 ที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยอื่นๆ
การค้าระหว่างไทยกับจีน มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 (ม.ค. – พ.ย.) มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับจีนสูงถึง 116,912 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่มูลค่าการค้าไทย-จีน อยู่ที่ 82,904 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การส่งออกของไทยมายังจีน (ม.ค. – พ.ย. 2566) มีมูลค่า 31,553.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.1 (YoY) สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง / ผลิตภัณฑ์ยาง/ เม็ดพลาสติก /ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง /เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ โดยการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ของไทยมายังจีนมีมูลค่าสูงถึง 5,986.67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 18.97 หรือ เกือบ 1 ใน 5 ของการส่งออกทั้งหมดของไทยมายังจีน
ทั้งนี้ สินค้าไทยชนิดต่างๆ จะถูกขนส่งมายังประเทศจีนผ่านช่องทางหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ นอกจากนี้ ยังมีการขนส่งต่อเนื่องหลายช่องทาง อาทิ ทางทะเล + ทางรถไฟ / ทางรถยนต์ + ทางรถไฟ เป็นต้น
การส่งออกสินค้าที่ผลิตจากจีนไปทั่วโลกคิดเป็น 35% ของปริมาณการส่งออกทั่วโลก ตีเป็นตัวเลขก็ประมาณ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่าการส่งออกของสหรัฐฯ เยอรมนี เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักร รวมกัน
บริษัทในไทยที่มีรายได้หลักจาก “การส่งออก” ไปจีนและประเทศฝั่งตะวันตกที่กลับมาเปิดเมือง กลายเป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของจีนในครั้งนี้
จะเห็นได้ว่าการลงทุนช่วงนี้ก็จะเป็นธีมการฟื้นตัว (Recovery Theme) มากขึ้น หุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ก็จะเป็น
(1) กลุ่มการเงินการธนาคาร
(2) กลุ่มอุปโภคบริโภค ที่คนเริ่มมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น ก็เลยเอามาใช้จ่าย
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ที่พอเริ่มเปิดประเทศก็จะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวได้เรื่อย ๆ
(4) REITs ที่เคยปรับตัวลงไป ตอนนี้ก็กลับมาน่าสนใจมากขึ้น
นอกจากนั้นก็ยังมีการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ทั้งหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโตไปพร้อมกับชีวิตประจำวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ Social Media หรือ e-Commerce หรือกลุ่มที่พอคนมีเงินก็จะใช้มากขึ้นอย่างสินค้าฟุ่มเฟือย
ส่วนหุ้นจีนก็ยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแรง แต่ก็ยังต้องอาศัยมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ เลยต้องลุ้นว่าจะมีการกระตุ้นเพิ่มเติมอีกมั้ย แต่ก็ประมาทไม่ได้เลย เพราะโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดหนัก และจังหวะเวลาการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางจีน ที่ปกติแล้วจะกระตุ้นก่อนที่จะเริ่มชะลอตัว ดังนั้นนักลงทุนแบบเราๆ ไม่ว่าจะลงทุนในไทยหรือต่างประเทศ ก็ต้องระมัดระวังหรือกระจายความเสี่ยงการลงทุนด้วยเช่นกัน
จีนได้มีการเผยแพร่ข้อมูล GDP ของ 31 มณฑลของจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 โดยระบุว่า มณฑลกวางตุ้ง มณฑลเจียงซู และนครเซี่ยงไฮ้ติดอันดับ1ใน3 อันดับแรก ของเมืองที่มีค่า GDP สูงสุดของจีน
ตัวเลข GDP จีนเป็นบวก แสดงถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการเติบโตขึ้น มีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น แต่สิ่งที่อาจตามมาได้ คือ อัตราเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นได้เช่นกัน เพราะเมื่อคนมีความต้องการซื้อกันมากขึ้น สามารถดันให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นมาได้
ซึ่งมณฑลกวางตุ้ง ยังคงครองอันดับ 1 ของ “มณฑลที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของจีน” โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จีนมี GDP รวมอยู่ที่ 6.29 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าไตรมาสแรกร้อยละ1.9 และมณฑลเจียงซูตามมาติดๆ โดยมีค่า GDP อยู่ที่ 6.04 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบเป็นรายปี ในจำนวนนี้ GDP ช่วงครึ่งปีแรกของภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกินกว่า 14.3 ล้านล้านหยวน คิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของประเทศ จะเห็นได้ว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของทั้งสามมณฑลสูงกว่ามวลรวมทั้งประเทศที่ร้อยละ 5.5
เมื่อพิจารณาจาก GDP รวมของมณฑลกวางตุ้ง ในช่วงครึ่งแรกของปี สูงถึงกว่า 6 ล้านล้าน โดยเซินเจิ้นมาเป็นอันดับ1 ซึ่งมีค่า GDP อยู่ที่ 1.65 ล้านล้านหยวน โดย GDP มวลรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 เมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดขายปลีกรวมของสินค้าอุปโภคบริโภคอยู่ที่ 500,002 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนมูลค่าการนำเข้าและส่งออกโดยรวมอยู่ที่ 1.67 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7
จะเห็นได้ว่าการพัฒนาเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกของเมืองเซินเจิ้น มีอัตราการเติบโตกว่าที่ก้าวกระโดดกว่าทุกเมืองในมลฑลกวางตุ้งและทุกเมืองในแต่ละมณฑลของจีน
ทางด้านการค้าระหว่างเซินเจิ้นและไทย ปัจจุบันได้มีธุรกิจสำคัญของไทยหลายแห่งในเมืองเซินเจิ้น เช่น บริษัท Chia Tai Conti Group ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) ศูนย์กระจายสินค้า Thai Pavillion บริษัท Shenzhen YCM Jewelry และบริษัท Shenzhen Boat Fortune Jewelry
อีกทั้งเซินเจิ้นยังเป็นหนึ่งในด่านที่สำคัญที่นำเข้าผลไม้ของไทยสู่จีน ในขณะเดียวกันทางฝั่งไทย ในปี 2564 รัฐบาลไทยก็ได้จับมือกับสมาคมนักธุรกิจเซินเจิ้นประเทศไทย และสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเมืองเซินเจิ้น (CCPIT Shenzhen) ในการจัดตั้งสำนักงานประสานงานทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการค้าเขตเซินเจิ้น ประจำประเทศไทย” และ “ศูนย์เจรจาการค้าและนิทรรศการสินค้าจากผู้ประกอบการนักธุรกิจเขตเซินเจิ้น”
ซึ่งจากการส่งเสริมการค้าระหว่างไทยของรัฐบาลไทยและเซินเจิ้น เปิดโอกาสให้ไทยสามารถแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางเทคโนโลยีและธุรกิจการค้า รวมถึงสามารถจับคู่เจรจาทำข้อตกลงการค้าระหว่างไทยกับเมืองเซินเจิ้นได้ จะเห็นได้ว่าเมืองเซินเจิ้นเป็นเมืองการค้าที่ผู้ประกอบการไทยและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องจับตามอง
เนื่องด้วยการส่งเสริมจากรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญในการผลักดันความร่วมมือทางธุรกิจการค้าและความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ คาดว่าในอนาคตไทยมีโอกาสในการเรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ จากเมืองเซินเจิ้น รวมถึงสามารถส่งเสริมให้การค้าระหว่างเมืองเซินเจิ้นและไทยเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาของเมืองเซินเจิ้นได้ต่อไป
หากจะพูกถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าประเทศแรกที่ทุกคนจะนึกถึงก็คือ ประเทศจีนอย่างแน่นอน และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ประกอบการจะให้ความสนใจ ส่งของจากไทยไปจีน เนื่องจากประเทศจีนมี 23 มณฑล ประชากรรวมมากถึง 1,425.7 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นยอดที่เยอะมากๆ เพียงแค่เห็นจำนวนประชากรของจีนแล้ว ก็ต่างทำให้ผู้ประกอบการไทยเองต้องหาข้อมูลความรู้การส่งออกสินค้าไปจีนกันเลย
ส่งของจากไทยไปจีน ซึ่งการจะส่งของไปจำหน่ายที่ประเทศจีน อย่างแรกที่เราต้องคำนึงถึงคือ กฎระเบียบของประเทศจีน ขั้นตอนและเอกสารที่ต้องจัดเตรียม เพื่อส่งสินค้าได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว เราควรศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อมก่อนดำเนินการ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก สำหรับผู้ประกอบการ ซึ่งผู้ประกอบการท่านใดที่ต้องการขยายตลาดให้กับธุรกิจยิ่งต้องเตรียมตัวหาข้อมูลไว้ก่อน โดยวันนี้ทาง SME SHIPPING ได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับ กฎระเบียบประเทศจีน , เอกสารที่ต้องจัดเตรียม , สินค้าที่ห้ามส่งออก , สินค้าที่มีโควต้าการส่งออก มาให้ทุกคนได้ทราบกันแล้ว
ครอบคลุมข้อมูลตั้งแต่การตรวจสอบกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของทั้งไทยและจีน รวมถึงการเตรียมพร้อมในตัวสินค้า เอกสารที่ต้องใช้ในการส่งออก และการติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก เป็นต้น โดยจะแนะนำข้อมูลกฎระเบียบของจีนเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศว่า สินค้าใดนำเข้าได้บ้าง มีข้อจำกัดอย่างไร ต้องมีมาตรฐานระดับไหน และมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะได้รับหรือไม่ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยแน่ใจว่าสินค้าที่ตนมีอยู่พร้อมที่จะส่งออกไปจีนได้โดยจะไม่ติดอุปสรรค ณ ปลายทาง
หากว่าสินค้ามีความพร้อมตามข้อกำหนดของทางการจีน และประเมินว่ามีโอกาสเติบโตในตลาดจีนแล้ว สิ่งสำคัญลำดับต่อไป คือ การศึกษากฎระเบียบในส่วนของไทย ทั้งนี้ จำเป็นต้องศึกษาว่าไทยอนุญาตให้ส่งออกสินค้าประเภทใดบ้าง และสินค้าแต่ละประเภทมีข้อกำหนดและขั้นตอนการขออนุญาตส่งออกอย่างไร ตลอดจนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัวเป็นผู้ส่งออกสินค้าของไทย
เบื้องต้น ก่อนการส่งออกสินค้าจากไทยไปจีนหรือประเทศอื่นๆ จำเป็นจะต้องศึกษาดูว่าทางการไทยอนุญาตให้ส่งออกสินค้าประเภทใดบ้าง เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตัวสินค้าที่สนใจจะส่งออก โดยปัจจุบันไทยได้แบ่งสินค้าส่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2522 ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับสินค้าส่งออกของไทย เพื่อเป็น การรักษามาตรฐานที่ถูกต้องตามกฎหมายกำหนด และควบคุมคุณภาพของสินค้าที่จะส่งออกจากไทย ตลอดจนสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้นำเข้าในต่างประเทศ และสร้างศักยภาพในการแข่งขันแก่สินค้าส่งออกของไทยด้วย
ส่งของจากไทยไปจีน ปัจจุบันไทยกำหนดสินค้าที่มีมาตรฐานส่งออก 10 รายการ ได้แก่ ข้าวโพด ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวฟ่าง แป้งมันสำปะหลัง ปลาป่น ไม้สักแปรรูป ปุยนุ่ย ถั่วเขียว และถั่วเขียวผิวดำ โดยสามารถดูข้อมูลอ้างอิงได้จากเว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์ของไทย www.moc.go.th
(1) การส่งออกสินค้า 10 รายการข้างต้น ผู้ประกอบการจะต้องยื่นเรื่องเพื่อขอบัตรประจำตัวผู้ส่งออกก่อน (จะกล่าวถึงรายละเอียดในลำดับต่อไป) โดยหลังจากที่ได้รับบัตรประจำตัวผู้ส่งออกแล้ว จำเป็นจะต้องยื่นคำร้องเพื่อขอเป็นผู้ส่งออกสินค้าที่มีมาตรฐานดังกล่าวกับสำนักงานมาตรฐานสินค้า กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดขั้นตอนในการยื่นจดทะเบียนได้ที่ http://ocs.dft.go.th เมนู “ผู้ทำการค้า ขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน”
(2) หลังจากที่ยื่นคำร้องแล้ว จะต้องนำสินค้าที่ต้องการส่งออกให้สำนักงานตรวจสอบมาตรฐาน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือนิติบุคคล/ส่วนราชการที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงพาณิชย์ ทำการตรวจสอบสินค้าดังกล่าว
(3) หลังจากสินค้าผ่านเกณฑ์การตรวจสอบแล้ว จะได้รับ “ใบรับรองมาตรฐานสินค้า” จากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งจะใช้เป็นเอกสารประกอบการส่งออกสินค้า 10 รายการข้างต้น
พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2522 ได้กำหนดมาตรการสำหรับ การส่งออกสินค้าจากไทย เพื่อเป็นการจัดระเบียบควบคุมการส่งออกให้เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลไทยกำหนดเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและประโยชน์ของชาติ ตลอดจนเป็นไปตามความตกลงระหว่างประเทศด้วย
ปัจจุบัน ไทยแบ่งสินค้าที่มีมาตรการการส่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สินค้าห้ามส่งออก สินค้าที่ต้อง ขออนุญาตส่งออก และสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง/ขึ้นทะเบียน/ขึ้นบัญชีประกอบการส่งออก
กระทรวงพาณิชย์ประกาศห้ามส่งออก “ทราย” เพื่อสงวนไว้ใช้สำหรับอุตสาหกรรมภายในประเทศ และเพื่อเป็นการป้องกันการทำลายสภาพสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
หมายเหตุ : สามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการของสินค้าแต่ละประเภทได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ http://www.dft.go.th (หน้ามาตรการนำเข้า-ส่งออกสินค้าของไทย) หรือติดต่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม ได้ที่สำนักมาตรการทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทรศัพท์ 0-2547-4771-86
กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดโควต้าการส่งออกสินค้าบางประเภท เพื่อเป็นการควบคุมปริมาณสินค้าที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติ โดยปัจจุบันได้จำกัดปริมาณการส่งออกสินค้าสำคัญ 4 รายการ ได้แก่ 1) ข้าว 2) มันสำปะหลัง 3) น้ำตาล และ 4) ยางพาราโดยสามารถศึกษากฎระเบียบเกี่ยวกับ การส่งออกสินค้าทั้ง 4 รายการดังกล่าวได้จากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 0-2547-4771-86 หรือสายด่วนหมายเลข 1385 เว็บไซต์ http://www.dft.go.th
สินค้าทั่วไป หมายถึง สินค้าอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากประเภทสินค้า 3 ประเภทข้างต้น ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถส่งออกได้โดยเสรี
ส่งพัสดุไปจีน ประเทศที่มีโอกาสการเริ่มต้นธุรกิจส่งออกในรูปแบบ SME มากที่สุด เนื่องจากมีกำลังซื้อที่สูงและมีตลาดเปิดใหม่ตลอดเวลา ซึ่งหากท่านสามารถตามเทรนด์ความต้องการของตลาดได้ โอกาสที่จะสร้างรายได้จากการส่งสินค้าไปยังประเทศจีนก็เกิดขึ้นได้แบบสบายๆ อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเทรนด์การสั่งสินค้าในจีนเริ่มเปลี่ยนไป โดยเน้นคุณภาพและความรวดเร็วในการส่งมากยิ่งขึ้น ดังนั้นลูกค้าชาวจีนหลายท่านอาจเรียกร้องให้ส่งเอกสารแบบด่วน หรือส่งสินค้าตัวอย่าง, สินค้าทดลอง ไปให้เลือกพิจารณาก่อน
ซึ่งหากผู้ประกอบการไทยสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้เร็ว ก็จะมีโอกาสได้รับกำลังซื้อจากประเทศจีนได้อย่างไม่ยาก แล้วทำอย่างไรล่ะ หากคิดจะส่งพัสดุด่วนไปจีน ในบทความนี้มีคำตอบ และรวบรวมคำถามยอดฮิตที่ทุกคนอยากรู้เรื่องการ ส่งพัสดุไปจีน อะไรบ้างที่ส่งไปจีนไม่ได้ ,ค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเท่าไหร่ , มีค่าภาษีไหม วันนี้ SME SHIPPING หาคำตอบมาให้แล้ว พร้อมบอกวิธีการ ส่งพัสดุไปจีน อย่างละเอียด
ขั้นตอนแรกคือการเลือกบริษัทขนส่งที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทขนส่งที่ให้บริการส่งของไปจีนมากมาย ทั้งบริษัทขนส่งในประเทศและบริษัทขนส่งระหว่างประเทศ โดยสามารถเปรียบเทียบราคาและบริการจากผู้ให้บริการต่างๆ เพื่อเลือกบริษัทที่ตรงกับความต้องการ โดยอาจพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้
เมื่อเลือกบริษัทขนส่งได้แล้ว ต้องเตรียมเอกสารและบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าให้เรียบร้อย โดยมีเอกสารที่จำเป็นสำหรับการส่งของไปประเทศจีน ดังนี้
ซึ่งในขั้นตอนนี้หากเลือกผู้ให้บริการส่งของไปจีนที่มีประสบการณ์อย่าง SME SHIPPING ก็จะช่วยให้คำแนะนำและตรวจสอบการจัดส่งในทุกขั้นตอน จึงช่วยลดข้อผิดพลาดของงานเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนการเลือกบรรจุภัณฑ์ในการจัดส่งสินค้า บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณเลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย เหมาะสำหรับการจัดส่งมากที่สุด
หลังจากเตรียมเอกสารและบรรจุภัณฑ์สำหรับจัดส่งสินค้าเรียบร้อยแล้ว เมื่อต้องการนำกล่องพัสดุหรือเอกสารไปจัดส่ง คุณจะต้องแจ้งรายละเอียดสินค้าให้กับทางบริษัทขนส่งอย่างครบถ้วน โดยมีรายละเอียดที่จำเป็น ดังนี้
เมื่อแจ้งรายละเอียดสินค้าแล้วก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย คือการชำระค่าขนส่ง โดยจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักและขนาดของสินค้า รวมถึงระยะทางในการขนส่ง อีกทั้งบางผู้ให้บริการยังรองรับการโอนและรับบัตรเครดิตกับลูกค้าที่มาส่งสินค้าที่สำนักงาน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ส่งสินค้าจำนวนมากและมียอดที่ต้องชำระสูง
การส่งของไปต่างประเทศจะมีเกณฑ์ขั้นต่ำที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ โดยหากมูลค่าของที่เราส่งสูงกว่าเกณฑ์นั้น เราจะถูกเรียกเก็บภาษี สำหรับประเทศจีนมีเกณฑ์ขั้นต่ำที่ CNY 50
การส่งสินค้าจากประเทศไทยไปต่างประเทศต้องผ่านพิธีการนำเข้าสินค้าที่ประเทศปลายทาง โดยแต่ละประเทศ มีเงื่อนไขทางด้านศุลกากรที่แตกต่างกัน หากนี่เป็นการจัดส่งครั้งแรกของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเลย เพราะเรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำ และช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอนการจัดส่ง หรือแม้คุณจะส่งเป็นประจำ เราก็จะดูแลสินค้าของคุณจนถึงปลายทางอย่างปลอดภัย
อาหารสด, วัตถุอันตรายหรือติดไฟง่าย, น้ำหอมและสเปร์, สินค้าลอกเลียนแบบหรือของปลอมทุกชนิด, วัตถุอนาจาร, สิ่งมีชีวิต, ซาก, ชิ้นส่วนของสัตว์, เถ้ากระดูกมนุษย์, ทองแท่ง, เงินสด, หินมีค่า (ที่ยังไม่ผ่านการเจียรไน), ปืน, ลูกกระสุนปืน, วัตถุระเบิด, สินค้าผิดกฎหมาย
สินค้าที่อยู่นอกเหนือจากข้อห้าม สามารถนำเข้ามาในจีนได้อย่างเสรีภายใต้กฎระเบียบการนำเข้าจีนตามประเภทของสินค้าที่รัฐบาลจีนได้กำหนดไว้ หรือถ้าง่ายกว่านี้ แนะนำปรึกษา SME SHIPPING โดยตรงได้ที่ https://smeshipping.com เพราะเราเน้นให้ผู้ใช้บริการ ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย การส่งพัสดุไปจีน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงคุณมีที่ปรึกษาอย่าง SME SHIPPING คอยช่วยเหลือคุณ
ส่งของไปจีน ปัจจุบันการส่งสินค้าจากประเทศไทย ไปยังประเทศจีน ถือได้ว่าง่ายกว่าสมัยก่อนอย่างมาก ยิ่งร้านค้าสมัยนี้เป็นร้านค้าออนไลน์ สามารถขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เน้นการขนส่งที่รวดเร็ว ทาง SME SHIPPING ขอแนะนำการเลือกใช้บริการส่งด่วนจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เพราะคนจีนที่สั่งของออนไลน์มีความคาดหวังที่จะได้รับสินค้าอย่างรวดเร็ว
นอกจากความรวดเร็วในการขนส่งแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด คือการเลือกบริการที่สามารถส่งสินค้าได้ครบทุกมณฑลทั่วประเทศจีนด้วย เพราะลูกค้าใน Marketplace นั้นจะมาจากทั่วประเทศ จึงต้องเลือกบริการที่มั่นใจว่าจะส่งสินค้าได้ครบทุกพื้นที่ และที่สำคัญที่สุดคือต้องเป็นบริการที่ถูกกฎหมาย หลีกเลี่ยงการใช้บริการส่งของไปจีนแบบสีเทาที่มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้การส่งของไม่ถึงปลายทางและถูกยึดของได้
วันนี้ทาง SME SHIPPING มีสินค้าไทยหลายๆอย่างที่โด่งดังเป็นกระแสในเมืองจีน ที่คนจีนหลายๆคนเชื่อมั่นใจคุณภาพของสินค้าไทยและชื่นชอบในความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจาก Soft power ของไทย ซึ่งจะมีสินค้าประเภทไหนกันบ้าง ไปดูกันเลย
เครื่องสำอางและสกินแคร์ต่างๆ ก็เป็นที่ชื่นชอบของคนจีนไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าจะเป็นสินค้าที่มีการแข่งขันสูงและแบรนด์ตะวันตกกับเกาหลีจะครองตลาดเมืองจีนอยู่ แต่ก็มีคนจีนอีกจำนวนมากที่ชื่นชอบและคิดว่าครีมและผลิตภัณฑ์ Beauty ที่ผลิตในเมืองไทยนั้นมีคุณภาพที่ดี มีมาตรฐานในการผลิตที่สูง
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของไทยโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ทำจากส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจีน เช่น สารสกัดจากสมุนไพร สารสกัดจากผลไม้ และน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมักใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เชื่อว่าส่วนผสมเหล่านี้มีประโยชน์มากมายต่อผิว เช่น ลดการอักเสบ ปรับปรุงพื้นผิวและโทนสีผิว และช่วยป้องกันความชรา ริ้วรอยต่างๆ นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากเดินทางมาประเทศไทยเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวโดยเฉพาะ เนื่องจากมักมีราคาไม่แพงและมีคุณภาพดีนอกจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้ว ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าและผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมก็เป็นที่นิยมมาก
ตลอดจนสมุนไพรพื้นบ้านเป็นที่นิยมของชาวจีน มีศูนย์กลางอยู่ที่เทคนิคการนวดแผนไทยและการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันสมุนไพรและลูกประคบ นอกจากมาเที่ยวใช้บริการและยังมักจะซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับการนวดและสปาเพื่อนำกลับบ้านไปด้วย ประเทศจีนเป็นประเทศที่ชื่นชอบสมุนไพรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเป็นตลาดหลักของผู้ส่งออกสมุนไพร แน่นอนว่าสมุนไพรไทยก็มีเอกลักษณ์เป็นของเราที่ยากจะหาคู่แข่งได้ และมีสินค้าหลายๆอย่างที่ขายดีมากๆเวลาคนจีนมาเที่ยวเมืองไทย (ถึงกับเหมากลับประเทศกันเลยก็มี) ตัวอย่างเช่น ยาดม ยาหม่อง ยาแก้เจ็บคอ สมุนไพรบรรเทาอาการแบบต่างๆ
หมอนยางพาราที่มาจากประเทศไทยค่อนข้างมีชื่อเสียงในสายตาลูกค้าต่างชาติ ส่วนหนึ่งก็เพราะประเทศเรามีการปลูกยางมาอย่างยาวนานและมีชื่อเสียงโด่งดัง เมื่อแปรรูปมาเป็นยางพารานอกจากจะคุณภาพดีแล้ว ยังมีราคาที่สมเหตุสมผลอีกด้วยค่ะ
โดยเฉพาะเสื้อผ้าพื้นเมือง เช่น ผ้าไหมและผ้าฝ้าย เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีน ผ้าไหมไทยขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพสูงและลวดลายสวยงามเพราะใส่สบาย ทำจากวัสดุธรรมชาติ นอกจากเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมแล้ว สินค้าแฟชั่นสมัยใหม่และชุดลำลองก็เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีนในไทยเช่นกัน อีกทั้งยังนิยมนำมาทำ ของใช้ และของตกแต่งบ้าน สามารถนำเอกลักษณ์ตรงมาทำสินค้าตีตลาดจีนได้
ไทยขึ้นชื่อเรื่องเครื่องประดับทำมือคุณภาพสูง นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากเดินทางมาไทยเพื่อซื้อเครื่องประดับโดยเฉพาะ เนื่องจากมักมีราคาที่ถูกกว่าต่างประเทศและมีคุณภาพดี เป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจในการตีตลาดจีนในสินค้านี้ เนื่องจากเครื่องประดับของไทยมักทำจากทองคำ เงิน และอัญมณีมีค่า เช่น เพชร ทับทิม และไพลิน
งานหัตถกรรม เช่น งานแกะสลักไม้ เซรามิก และสิ่งทอ เป็นของที่ระลึกยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจีนในไทย เป็นอีกสินค้าที่น่าตีตลาดจีนได้ เพราะมักซื้องานฝีมือเป็นของขวัญหรือของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านหรือนำไปตกแต่งบ้าน นอกจากงานแกะสลักไม้แล้ว งานหัตถกรรมประเภทอื่นๆ เช่น เซรามิก สิ่งทอ และเครื่องประดับก็เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีนเช่นกัน
นักท่องเที่ยวจีนมักจะซื้ออาหารไทยและเครื่องเทศเพื่อนำกลับบ้านเป็นของฝากหรือนำไปประกอบอาหารเอง ไทยขึ้นชื่อเรื่องอาหารที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติที่โดดเด่น ของที่เป็นที่นิยมชาวจีนเพราะมักหาซื้อได้ยากหรือไม่มีในประเทศอื่น ได้แก่ พริกแกง กะทิ น้ำปลา และข้าว นอกจากอาหารและเครื่องเทศแล้ว ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารอื่นๆ เช่น ชา กาแฟ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และขนมขบเคี้ยว ก็เป็นที่นิยมในหมู่ชาวจีนในไทยเช่นกัน
สินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวของไทย เป็นขนมที่หาทานจากประเทศอื่นๆไม่ได้ (หรือหาได้ยาก) มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ตัวอย่างเช่น สาหร่ายทอดกรอบ ถั่วอบกรอบ ลูกอมกระทิ ขนมที่ทำจากผลไม้แปรรูป ผลไม้อบแห้ง ด้วยความที่เมืองไทยเป็นประเทศที่ปลูกผลไม้หลากหลายชนิด ผลไม้อบแห้งหลายๆชนิดจึงเป็นแบบที่คนจีนชื่นชอบอยู่แล้วเช่น ทุเรียนอบแห้ง, มะม่วงอบแห้ง, สตอเบอรี่อบแห้ง รวมไปถึงขนมที่มีรสชาติไทยและมีขายเฉพาะในเมืองไทยเช่น มันฝรั่งทอดรสเมี่ยงคำ
ไทยขึ้นชื่อเรื่องเฟอร์นิเจอร์ทำมือคุณภาพสูง ซึ่งมักทำจากไม้และวัสดุธรรมชาติอื่นๆ เฟอร์นิเจอร์ไทยขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และความใส่ใจในรายละเอียด และมักทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หวาย และไม้ไผ่ นอกจากเฟอร์นิเจอร์แบบดั้งเดิมแล้ว เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านสมัยใหม่ยังเป็นที่นิยมของชาวจีน เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าตีตลาดจีนมาก
ของตกแต่งบ้านแบบไทย เช่น งานศิลปะแบบดั้งเดิมและโคมไฟทำมือ ของตกแต่งบ้านยอดนิยมที่ชาวจีนชอบซื้อจากไทย ได้แก่ งานศิลปะแบบดั้งเดิม เช่น ภาพวาดและประติมากรรม โคมไฟและเทียนทำมือ
ของเล่นและเกมไทยโบราณ เช่น ตุ๊กตาไม้ เกมกระดาน เป็นที่นิยมมาก เพราะเป็นสินค้าแฮนด์เมดเหล่านี้มักทำโดยช่างฝีมือผู้มีทักษะโดยใช้เทคนิคและวัสดุแบบดั้งเดิม ชาวจีนมักซื้อของเล่นและเกมของไทยเป็นของขวัญหรือของฝากกลับบ้านหรือนำไปตกแต่งบ้าน
สำหรับผู้ที่สนใจการส่งสินค้าไปประเทศจีน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ SME SHIPPING หรือติดต่อทีมงาน SME SHIPPING เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย
SME SHIPPING ให้บริการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ในราคามาตรฐานและคุ้มค่า พร้อมบริการที่ครบจบ ทั้งการส่งของทางเรือ และทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับจุดเด่นเหล่านี้
เราคือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งระหว่างประเทศ ทั้งนำเข้าและส่งออก เชื่อมต่อคุณผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำระดับโลก ครอบคลุมทุกรูปแบบการขนส่งสินค้าทั้งทางรถ ทางเรือ และทางเครื่องบิน ตอบโจทย์ทุกความต้องการรองรับทุกการขนส่งเพื่อคุณโดยเฉพาะ
ให้การส่งพัสดุของคุณสะดวกกว่า ครบครันกว่า สบายใจกว่าใคร ด้วยบริการเสริมที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมา และแอปพลิเคชันที่ท่านสามารถจัดการเรื่องขนส่งได้อย่างครบครันและง่ายดาย สิ่งที่เคยยุ่งยากจะกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
SME SHIPPING เปิดให้บริการมากกว่า 12 ปีด้วยประสบการณ์ที่จัดส่งพัสดุที่มีมาอย่างยาวนานของเรา จึงทำให้เรามีทางออกในการแก้ไขปัญหาการจัดส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความเป็นมืออาชีพ ลูกค้าจึงไว้ใจส่งพัสดุไปต่างประเทศกับเรา
ส่งไปได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศทั้งทางรถ ทางเรือ ทางเครื่องบิน ชิ้นเดียวก็ส่งได้ ส่งได้ทั่วโลก รับประกันสูงสุด