ก่อนส่งต้องรู้! วิธีคำนวณน้ำหนักและค่าขนส่งพัสดุที่ถูกต้อง ก่อนส่งของไปต่างประเทศ

การส่งสินค้าไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศก็จำเป็นที่จะต้องมีการเสียค่าขนส่งพัสดุมากน้อยแตกต่างกันไปตามแต่น้ำหนัก และชนิดของสินค้าที่ส่ง ดังนั้น การคำนวณน้ำหนักและค่าขนส่งพัสดุก่อนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามไป เพื่อให้การส่งพัสดุของคุณไปยังผู้รัยบปลายทางอย่างราบรื่นและประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด

 

ทำไมต้องคำนวณน้ำหนักและค่าขนส่งก่อนส่งสินค้า?

การคำนวณน้ำหนักและค่าขนส่งจะช่วยให้ผู้ส่งสามารถประมาณการค่าใช้จ่าย และวางแผนงบประมาณการส่งสินค้าได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งการคำนวณค่าพัสดุที่ถูกต้องยังช่วยป้องกันปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ค่าใช้จ่ายเกินจริง หรือการส่งมอบล่าช้า รวมทั้งสินค้าบางรายการที่ต้องทำประกันสินค้าตั้งแต่ขั้นตอนการขนส่ง ดังนั้น หากรู้จักการคำนวณค่าขนส่งพัสดุที่ถูกต้องและแม่นยำแล้ว ก็จะทำให้สามารถส่งสินค้าไปยังต่างประเทศได้ตามงบที่กำหนดไว้

 

ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าขนส่ง

ในการขนส่งสินค้าไม่ว่าจะเป็นการส่งภายในประเทศ หรือส่งไปยังต่างประเทศ ทางผู้ให้บริการส่งสินค้าจะมีการเรียกเก็บค่าขนส่งของสินค้านั้นๆ ตามความเป็นจริง โดยมีปัจจัยหลักในการคำนวณดังนี้

  1. น้ำหนักของพัสดุ: น้ำหนักของพัสดุถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อค่าขนส่ง โดยทั่วไปจะคิดค่าบริการตามน้ำหนักจริงของพัสดุ ที่รวมกับน้ำหนักกล่องหลังการบรรจุลงกล่องเรียบร้อยแล้ว
  2. สำหรับพัสดุที่มีขนาดใหญ่แต่มีน้ำหนักเบา บริษัทขนส่งบางแห่งอาจคิดค่าบริการตามปริมาตรของพัสดุแทน (ความยาว x ความกว้าง x ความสูงของพัสดุ)
  3. ระยะทาง: ระยะทางในการขนส่งสินค้าที่คำนวณจากประเทศต้นทางไปยังประเทศปลายทางมีผลต่อค่าขนส่ง เนื่องจากยิ่งระยะทางไกลก็ยิ่งใช้เวลาในการขนส่งหลายวัน
  4. ประเภทของสินค้า: สินค้าบางประเภทอาจมีค่าขนส่งเพิ่มขึ้น เช่น สินค้าบางประเภทที่เป็นสินค้าอันตราย หรือสินค้าที่มีมูลค่าสูงที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติและต้องมีค่าประกันสินค้า เพื่อป้องกันการสูญหายระหว่างทาง
  5. บริการเสริม: นอกจากระยะเวลา และน้ำหนักของสินค้าแล้ว ค่าขนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศอาจมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากบริการอื่นๆ เช่น การประกันภัย การติดตามพัสดุ หรือการส่งด่วนที่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

 

วิธีการคำนวณค่าบริการจัดส่งพัสดุจากน้ำหนักของสินค้า

การคำนวณค่าบริการจัดส่งพัสดุของแต่ละที่อาจมีการคำนวณค่าส่งที่แตกต่างกันไป แต่โดยปกติแล้วจะคิดดังนี้

  • คิดตามน้ำหนักจริงของสินค้า + ค่าขนส่ง คือ น้ำหนักจริงของสินค้า X อัตราค่าส่งแบบกิโลกรัม = ค่าขนส่ง
  • ใช้เครื่องมือ หรือโปรแกรมคำนวณค่าขนส่งแบบออนไลน์บนหน้าเว็บไซต์ของบริษัทที่เลือกใช้บริการ ที่
  • ติดต่อบริษัทขนส่ง เพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับค่าขนส่งจากบริษัทขนส่งโดยตรง พนักงานจะช่วยคุณคำนวณค่าใช้จ่ายและให้คำแนะนำเพิ่มเติม

ทั้งนี้หากคุณเลือกใช้บริการของ SME SHIPPING ที่เป็นผู้ให้บริการรับส่งของไปต่างประเทศทางอากาศ ที่มีบริการส่งสินค้าทั่วโลกครบวงจร ผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการส่งสินค้าไปยังต่างประเทศอีกต่อไป เพราะภายในเว็บไซต์มีหน้า check-price ให้คุณได้ตรวจสอบราคาสินค้าก่อนการส่งตามจริง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกินงบ แถมยังรับประกันสินค้าส่งตรงถึงหน้าบ้านอีกด้วย 

5 วิธีป้องกันสินค้าจากความชื้นและความเสียหายในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ

การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นอีกหนึ่งความท้าทายระหว่างผู้ส่งและผู้รับสินค้าที่ส่งไปนั้นจะถึงมือผู้รับในสภาพไหน เพราะมีปัจจัยหลายอย่างระหว่างการขนส่งสินค้าและหนึ่งในนั้นคือปัญหาความชื้นที่อาจส่งผลต่อคุณภาพและความสมบูรณ์ของสินค้า ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งได้หากผู้ส่งจัดเลือกกล่องสำหรับส่งสินค้าที่ไม่เหมาะสม และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เราขอนำเสนอ 5 วิธีป้องกันสินค้าจากความชื้นและความเสียหายในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ สำหรับคนที่กำลังจะสิ่งสินค้าระหว่างประเทศ ดังนี้

1. เลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม

การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสินค้าเป็นปราการแรกที่จะทำให้สินค้าปลอดภัยในระหว่างการขนส่ง เพราะการเลือกขนาดบรรจุภัณฑ์ให้พอดีกับสินค้าจะช่วยลดการเคลื่อนไหวภายในและป้องกันการกระแทกไม่ให้สินค้าเกิดความบุบเสียหาย อีกทั้งการใช้พลาสติกกันกระแทก, ฟิล์มห่อหุ้ม, กล่องกระดาษแข็งเคลือบ หรือถุงสุญญากาศลงไปในกล่องพัสดุด้วย ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความชื้นจนสินค้าเสียหาย และลดการกระแทกได้ดีขึ้น

2. ติดฉลากสินค้าอย่างชัดเจนการขนส่งสินค้า

การติดฉลากสินค้าให้ชัดเจนตั้งแต่หน้ากล่องจะช่วยให้สินค้าที่ถูกจัดส่งมีความรวดเร็วและแม่นยำ เพราะหากฉลากสินค้าไม่ชัดเจน หรือข้อมูลไม่ครบถ้วน อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น สินค้าสูญหาย เสียหาย หรือล่าช้าในการส่งมอบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ส่งและผู้รับ อีกทั้งการระบุตัวตนของสินค้ายังช่วยให้สามารถติดตามสินค้าได้ตลอดกระบวนการขนส่ง และช่วยลดความผิดพลาดในการจัดเรียงสินค้าและการส่งมอบอีกด้วย

3. ใช้สารดูดความชื้นซิลิก้าเจล (Silica gel)

หากสินค้าชนิดนั้นๆ เป็นสินค้าที่มีความชื้นสูง หรือเป็นสินค้าที่ต้องระมัดระวังในการส่งเป็นพิเศษ ควรใส่วัสดุกันน้ำและสารกันชื้นอย่างซิลิก้าเจล (Silica gel) ลงไปภายในกล่องบรรจุภัณฑ์ด้วย เพื่อดูดซับความชื้นส่วนเกิน และควรใช้ถุงดูดความชื้นที่มีขนาดและปริมาณเหมาะสมกับขนาดของบรรจุภัณฑ์จะช่วยให้ประสิทธิภาพการใช้งานดียิ่งขึ้น

4. เลือกบริการขนส่งที่เหมาะสม

การเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่มีระยะเวลาการขนส่งสั้น และเป็นผู้ให้บริการที่สามารถติดตามพัสดุได้ตลอดเส้นทางการขนส่ง เป็นหนึ่งในวิธีลดความเสียหายในการขนส่งได้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การให้บริการขนส่งพัสดุของ SME SHIPPING ที่ส่งเร็ว ส่งไว ให้บริการขนส่งพัสดุทั่วโลก ส่งตรงถึงหน้าบ้าน

5. ทำประกันสินค้า

การทำประกันสินค้าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มความคุ้มครองกรณีเกิดความเสียหายจากความชื้นหรือสาเหตุอื่นๆ ระหว่างการขนส่ง ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น อุบัติเหตุทางการขนส่ง การโจรกรรม ภัยธรรมชาติ หรือความเสียหายจากการบรรจุหีบห่อที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งการทำประกันจะช่วยให้ผู้ส่งรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ทางบริษัทขนส่งจะมีการชดเชยความเสียหายให้กับสินค้านั้นๆ ด้วย และการประกันสินค้าในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมีหลายประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป ได้แก่

  •         ความคุ้มครองแบบ All Risks เป็นความคุ้มครองที่ครอบคลุมความเสียหายทุกประเภท ยกเว้นความเสียหายที่เกิดจากสาเหตุที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
  •         ความคุ้มครองแบบ Named Perils เป็นความคุ้มครองที่ระบุความเสียหายที่ต้องการความคุ้มครองไว้โดยเฉพาะ เช่น การสูญหาย การโจรกรรม ความเสียหายจากไฟไหม้ เป็นต้น

 

การเลือกบริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์ ต้องเป็นบริษัทที่ไว้ใจได้ และมีความเชี่ยวชาญในการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศ SME SHIPPING เป็นผู้เชี่ยวชาญในการขนส่งเอกสารและพัสดุไปยังต่างประเทศทั่วโลก บริการของเราเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมและลูกค้ารายย่อยทั่วไป ผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำ อาทิ Fedex ,ไปรษณีย์ไทย ,SF Express และ Teleport เป็นต้น

 โดยจุดเด่นของ SME SHIPPING คือบริการ Door to Door Service ที่สะดวกสบาย โดยรับเอกสารและพัสดุจากมือผู้ส่งและส่งถึงมือผู้รับปลายทางอย่างปลอดภัย

 

หากต้องการนำเข้าสินค้าจำนวนมากจากต่างประเทศ ควรต้องเตรียมพร้อมอย่างไร?

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ทั้งในการนำมาจำหน่าย หรือ สั่งวัตถุดิบมาเพื่อต่อยอดสินค้าของตนเอง ในกรณีดังกล่าวผู้ประกอบการมักจะต้องการนำเข้าสินค้าเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ก็อาจเกิดความกังวลขึ้นได้ เพราะกันนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในจำนวนมากนั้นอาจมองดูเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่ถ้าหากเราเตรียมพร้อมก็จะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าจะต้องเตรียมพร้อมอย่างไรให้การนำเข้าปลอดภัย มั่นใจ หายห่วง!!

 

ศึกษาข้อกำหนด และระเบียบของประเทศปลายทางที่นำเข้าสินค้า

แต่ละประเทศปลายทางมีกฏระเบียบ และข้อกำหนดในการนำเข้าสินค้า แตกต่างกัน เช่น สินค้าบางชนิดอาจต้องมีใบอนุญาติพิเศษ หรือ การตรวจสอบจากศุลกากร นอกจากนั้นควรเตรียมพร้อมศึกษากฏดังกล่าว พร้อมพิจารณาว่าสินค้าที่ตนนำเข้านั้นอยู่ในรายการสินค้าต้องห้ามหรือไม่

 

ตรวจสอบข้อกำหนดด้านภาษี และค่าใช้จ่ายที่จำเป็น

การนำเข้าสินค้าจำนวนมากผู้นำเข้าจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดในเรื่อง เช่น ภาษีนำเข้า ค่าขนส่ง ค่าประกัน และค่าดำเนินการผ่านศุลการกร สิ่งเหล่านี้ควรเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพิจารณาเพื่อให้สามารถเตรียมค่าใช้จ่าย และเพื่อให้ทราบถึงต้นทุนในการนำเข้า

 

จัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน

เมื่อทำการนำเข้าสินค้าผู้ประกอบการ ควรคำนึงถึงเอกสารสำคัญในการนำเข้าสินค้า เช่น ใบกำกับสินค้า ใบรายการบรรจุภัณฑ์ และ ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า และนอกจากนั้น ต้องตรวจสอบว่ามีเอกสารอื่น ๆ ที่ศุลกากรของประเทศปลายทางต้องการหรือไม่ 

 

ทำประกันภัยสินค้า

ในการจัดนำเข้าสินค้าเป็นจำนวนมากนั้น เป็นการดำเนินการที่มีมูลค่า และค่าใช้จ่ายสูง เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของสินค้า และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ควรทำประกันภัยสินค้าระหว่างการขนส่ง เพราะหากสินค้าตกหล่น หรือเกิดความเสียหายระหว่างทาง ประกันจะช่วยคุมครองจากการสูญเสีย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง

 

เลือกบริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์ 

การเลือกบริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจว่าการนำเข้าสินค้าของคุณจะปลอดภัยหายห่วง เพราะอยู่ในมือของบริษัทขนส่งที่ไว้ใจได้ นอกจากนั้นบริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์จะสามารถให้คำปรึกษา และคำแนะนำที่มีประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการได้ 

 

การนำเข้าสินค้าเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการต้องอาศัยการวางแผน และการเตรียมพร้อมอย่างรอบคอบ รวมถึงผู้ประกอบการนั้นต้องศึกษา และทำความเข้าใจกฏระเบียบเพื่อให้สามารถเตรียมเอกสารประกอบการส่งได้ครบถ้วน อีกทั้งการเตรียมการอย่างรอบคอบนั้นจะทำให้เราทราบถึงต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่าง ๆ ได้  และข้อที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่น ๆ เลยคือการเลือกบริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์ ต้องเป็นบริษัทที่ไว้ใจได้ และมีความเชี่ยวชาญในการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศ SME SHIPPING เป็นผู้เชี่ยวชาญในการขนส่งเอกสารและพัสดุไปยังต่างประเทศทั่วโลก บริการของเราเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมและลูกค้ารายย่อยทั่วไป ผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำ อาทิ Fedex ,ไปรษณีย์ไทย ,SF Express และ Teleport เป็นต้น

 โดยจุดเด่นของ SME SHIPPING คือบริการ Door to Door Service ที่สะดวกสบาย โดยรับเอกสารและพัสดุจากมือผู้ส่งและส่งถึงมือผู้รับปลายทางอย่างปลอดภัย

 

สิ่งที่ควรเตรียมตัวหากต้องการทำธุรกิจรับหิ้วของจากต่างประเทศ

 

การทำธุรกิจ “รับหิ้วสินค้า” จากต่างประเทศ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์ ที่มักมีกระแส สินค้าหายา หรือ สินค้าลิมิเต็ด หรือ สินค้าที่ขายเฉพาะบางพื้นที่ในต่างประเทศ ทำให้อาชีพรับหิ้วตอบโจทย์ ความต้องการของคนรุ่นใหม่ และนอกจากนั้น คนหันมาประกอบอาชีพรับหิ้วกันมากยิ่งขึ้นเนื่องจาก เป็นอาชีพที่อิสระ สามารถบริหารจัดการตารางเวลา และวันทำงานของตัวเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ใครหลาย ๆ คน สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากทำธุรกิจรับหิ้วสินค้าจากต่างประเทศ วันนี้เรามีวิธีการเตรียมตัวดี ๆ มาบอกต่อ เพื่อให้คุณไม่เกิดปัญหา และทำงานได้อย่างมืออาชีพ!!

 

ศึกษากฏระเบียบการนำเข้า และศุลกากร

การหิ้วสินค้ามาจากต่างประเทศ ต้องศึกษากฎหมาย และข้อกำหนดของกรมศุลกากร ควรศึกษาว่าสินค้าที่ตนต้องการรับหิ้วต้องเสียภาษีอากรหรือไม่ มีสินค้าประเภทไหนถูกจำกัดการนำเข้าบ้าง หรือสินค้าต้องการใบอนุญาติพิเศษหรือไม่ เช่นในกรณีสินค้าแบรนด์เนม หรือสินค้าที่มีกฎหมายลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ควรต้องระวังเป็นพิเศษ

 

คำนวนต้นทุนให้ดี และตั้งราคาที่เหมาะสม 

การทำธุรกิจรับหิ้วหากไม่วางแผนค่าใช้จ่าย และต้นทุนให้ดี อาจนำไปสู่ปัญหาการขาดทุน และค่าใช้จ่ายบานปลายได้ ต้องวางแผนการเดินทางอย่างเหมาะสม และตั้งราคาขายที่คำนวนต้นทุนอย่างครบถ้วน และคุ้มค่า สร้างกำไรได้ เช่น ต้นทุนการเดินทาง จำนวนสินค้าที่รับหิ้ว และค่าใช้จ่ายในการขนส่ง

 

สร้างฐานลูกค้า และทำการตลาดออนไลน์

การทำธุรกิจที่ดีต้องมีการสร้างฐานลูกค้า และมีช่องทางติดต่อที่ น่าเชื่อถือ และไว้ใจได้ ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียร์ เช่น Meta, Instragram, TikTok, หรือ Line ในการสร้างช่องทางติดต่อ และประชาสัมพันธ์ สินค้า และบริการ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และ Awareness ให้กับลูกค้า เปิดให้ผู้ใช้บริการ และซื้อสินค้า โพสรีวิวถึงความประทับใจในการซื้อสินค้า และบริการ เพื่อสร้างความมั่นใจ และขยายฐานลูกค้าที่สนใจ

 

เลือกแหล่งซื้อสินค้าที่น่าเชื่อถือ 

การเลือกแหล่งซื้อสินค้าที่น่าเชื่อถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพราะคุณต้องมั่นใจว่าสินค้าของคุณนั้นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และไม่มีปัญหาเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ ควรศึกษาความน่าเชื่อถือของร้านค้า และการตรวจสอบสินค้า เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่ได้รับมานั้นเป็นของที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ 

 

เลือกช่องทางผู้ให้บริการขนส่งสินค้าที่ น่าเชื่อถือ สะดวก และฉับไว

เมื่อได้รับสินค้ามาแล้ว สิ่งที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจในบริการได้อย่างไม่รู้ลืมนั้นคือความไว และความปลอดภัยของสินค้า ยิ่งผู้ส่งสินค้าสามารถเลือกช่องทางที่เหมาะสม และส่งสินค้าถึงมือผู้รับได้ไวเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างความประทับใจได้มากเท่านั้น นอกจากนั้นการแพ็ก หรือ บรรจุสินค้า ต้องทำอย่างรอบคอบ และระมัดระวัง ต้องไม่ลืมใส่ใบเสร็จ ใบรับประกัน ใบรับรอง ถุงแบรนด์ หรือของแถมให้ครบถ้วน เพื่อสร้างความประทับใจ และส่งผลให้เกิดการรีวิว และการบอกต่อในแง่ดี ให้กับสินค้า และบริการ

 

การทำธุรกิจรับหิ้วของจากต่างประเทศ การที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจ และมั่นใจในการใช้บริการต้องมีการเตรียมพร้อมหลายด้าน ทั้งนี้การเตรียมพร้อมที่ดีก็ยังช่วยให้ผู้ทำธุรกิจ สามารถสร้างกำไร และสร้างโอกาสเติบโตให้กับ ธุรกิจรับหิ้วของตนเองได้ นอกจากนั้นการเลือกช่องทางผู้ให้บริการขนส่งสินค้าที่น่าเชื่อ ถือ สะดวก และฉับไว จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ซื้อสินค้า และบริการได้อย่างไม่รู้ลืม หากกำลังมองหาผู้ให้บริการที่ น่าเชื่อถือ และไว้ใจได้ SME SHIPPING เป็นผู้เชี่ยวชาญในการขนส่งเอกสารและพัสดุไปยังต่างประเทศทั่วโลก บริการของเราเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมและลูกค้ารายย่อยทั่วไป ผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำ อาทิ Fedex ,ไปรษณีย์ไทย ,SF Express และ Teleport เป็นต้น

 โดยจุดเด่นของ SME SHIPPING คือบริการ Door to Door Service ที่สะดวกสบาย โดยรับเอกสารและพัสดุจากมือผู้ส่งและส่งถึงมือผู้รับปลายทางอย่างปลอดภัย

ขนาดกล่องพัสดุ ประเภทและการใช้งานที่เหมาะสม

“กล่องพัสดุ” ไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขนส่งสินค้าของตัวเอง ขนาดของกล่องพัสดุในไทยนั้นมีหลากหลายขนาด และเหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน เพื่อความปลอดภัยของสินค้า ผู้ส่งสินค้าต้องพิจารณาในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงต้องเลือกล่องที่ได้มาตรฐาน และสามารถปกป้องสินค้าของตนได้ หากใครกำลังมึนงง ว่าจะต้องเลือกอย่างไรดี  มีกี่ขนาด กี่ประเภท และจะใช้งานอย่างไรให้เหมาะสม ลองมาอ่านบทความนี้เลย!!

 

ขนาดของกล่องพัสดุมาตรฐาน (ขนาด กว้าง X ยาว X สูง)

  • เบอร์ 00 9.8 X 14 X 6 ซม.
  • เบอร์ 0 11 X 17 X 6 ซม.
  • เบอร์ 0+4 11 X17 X 10 ซม.
  • เบอร์ AA 13 X 17 X 7 ซม.
  • เบอร์ A 14 X 20 X 6 ซม.
  • เบอร์ 2A 14 X 20 X 12 ซม.
  • เบอร์ B 17 X 25 X 9 ซม.
  • เบอร์ 2B 17 X 25 X 18 ซม.
  • เบอร์ B+7 17 X 25 X 16 ซม.
  • เบอร์ C 20 X 30 X 11 ซม.
  • เบอร์ C+9 20 X 30 X 20 ซม.
  • เบอร์ CD 15 X 15 X 15 ซม.
  • เบอร์ D 22 X 35 X 25 ซม.
  • เบอร์ D+11 22 X 35 X 25 ซม.
  • เบอร์ E 24 X 40 X 17 ซม.
  • เบอร์ 2F 31 X 30 X 13 ซม.
  • เบอร์ F 30 X 45 X 20 ซม.
  • เบอร์ G 31 X 36 X 26 ซม.
  • เบอร์ H 40 X 45 X 34 ซม.
  • เบอร์ I 45 X 55 X 40 ซม.

 

ประเภทของกล่องพัสดุ ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน

1. กล่องพัสดุ รูปแบบฝาชน

กล่องพัสดุ เป็นกลล่องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากราคาถูก และมีต้นทุนต่ำ เป็นกล่องที่ใคร ๆ หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เปิดปิดได้ง่าย แต่ข้อเสียคือต้องใช้เทปพลาสติกใสในการช่วยปิดกล่องทั้งส่วนหัว และส่วนก้นของกล่อง รวมถึงต้องเสียเวลาในการขึ้นรูป 

2. กล่องพัสดุ รูปแบบไดคัทฝาเสียบ

กล่องแบบไดคัทฝาเสียบเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบันเนื่องจากสามารถใช้งานได้ง่าย แน่นหนาและปิดมิดชิด สามารถขึ้นรูปแพ็กสินค้าได้สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องใช้เทปกาวในการปิดมากนัก อีกทั้งยังมีความแข็งแรง รูปทรงสวยงาม เหมาะกับการจัดส่งระยะไกล หรือ ผ่านแมสเซนเจอร์

3. กล่องพัสดุ รูปแบบไดคัทหูช้าง

หากใครกำลังมองหากล่องพัสดุประเภทที่ปิดได้มิดชิดที่สุด ใช้งานได้ง่ายสะดวก ขึ้นรูปได้โดยใช้เวลาไม่นาน สามารถใส่ของเข้าไปได้ในทันที ใช้เทปพลาสติกใสน้อย เหมาะสมกับการจัดส่งผ่านแมสเซนเจอร์ หรือ หากจะใช้ในการจัดส่งสินค้าไปยังต่างประเทศก็ทำได้เช่นกัน

 

การเลือกกล่องพัสดุให้ถูกขนาด และเหมาะสมกับการจัดส่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการจัดส่งสินค้าของผู้ประกอบการในปัจจุบัน โดยการพิจารณาอย่างรอบคอบนั้นจะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับกล่องพัสดุ และสินค้าที่บรรจุ หากเลือกไซส์ใหญ่มาเกินไป ก็อาจทำให้เหลือพื้นที่ และทำให้ของที่บรรจุมาเคลื่อนที่ และก่อให้เกิดความเสียหายได้ นอกจากนั้นการเลือกกล่องพัสดุที่เหมาะสมยังช่วยให้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ แต่แค่การเลือกกล่องพัสดุอย่างเดียวอาจไม่พอ ผู้ประกอบการต้องเลือกใช้บริการตัวแทนขนส่งที่ไว้ใจได้ และพร้อมดูแลสินค้าของคุณให้ถึงที่ได้หมายได้อย่างปลอดภัย  SME SHIPPING เป็นผู้เชี่ยวชาญในการขนส่งเอกสารและพัสดุไปยังต่างประเทศทั่วโลก บริการของเราเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมและลูกค้ารายย่อยทั่วไป ผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำ อาทิ Fedex ,ไปรษณีย์ไทย ,SF Express และ Teleport เป็นต้น

 โดยจุดเด่นของ SME SHIPPING คือบริการ Door to Door Service ที่สะดวกสบาย โดยรับเอกสารและพัสดุจากมือผู้ส่งและส่งถึงมือผู้รับปลายทางอย่างปลอดภัย

 

หากต้องการนำเข้าสินค้าจำนวนมากจากต่างประเทศ ควรต้องเตรียมพร้อมอย่างไร?

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ทั้งในการนำมาจำหน่าย หรือ สั่งวัตถุดิบมาเพื่อต่อยอดสินค้าของตนเอง ในกรณีดังกล่าวผู้ประกอบการมักจะต้องการนำเข้าสินค้าเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ก็อาจเกิดความกังวลขึ้นได้ เพราะกันนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในจำนวนมากนั้นอาจมองดูเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่ถ้าหากเราเตรียมพร้อมก็จะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าจะต้องเตรียมพร้อมอย่างไรให้การนำเข้าปลอดภัย มั่นใจ หายห่วง!!

 

ศึกษาข้อกำหนด และระเบียบของประเทศปลายทางที่นำเข้าสินค้า

แต่ละประเทศปลายทางมีกฏระเบียบ และข้อกำหนดในการนำเข้าสินค้า แตกต่างกัน เช่น สินค้าบางชนิดอาจต้องมีใบอนุญาติพิเศษ หรือ การตรวจสอบจากศุลกากร นอกจากนั้นควรเตรียมพร้อมศึกษากฏดังกล่าว พร้อมพิจารณาว่าสินค้าที่ตนนำเข้านั้นอยู่ในรายการสินค้าต้องห้ามหรือไม่

 

ตรวจสอบข้อกำหนดด้านภาษี และค่าใช้จ่ายที่จำเป็น

การนำเข้าสินค้าจำนวนมากผู้นำเข้าจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดในเรื่อง เช่น ภาษีนำเข้า ค่าขนส่ง ค่าประกัน และค่าดำเนินการผ่านศุลการกร สิ่งเหล่านี้ควรเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพิจารณาเพื่อให้สามารถเตรียมค่าใช้จ่าย และเพื่อให้ทราบถึงต้นทุนในการนำเข้า

 

จัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน

เมื่อทำการนำเข้าสินค้าผู้ประกอบการ ควรคำนึงถึงเอกสารสำคัญในการนำเข้าสินค้า เช่น ใบกำกับสินค้า ใบรายการบรรจุภัณฑ์ และ ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า และนอกจากนั้น ต้องตรวจสอบว่ามีเอกสารอื่น ๆ ที่ศุลกากรของประเทศปลายทางต้องการหรือไม่ 

 

ทำประกันภัยสินค้า

ในการจัดนำเข้าสินค้าเป็นจำนวนมากนั้น เป็นการดำเนินการที่มีมูลค่า และค่าใช้จ่ายสูง เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของสินค้า และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ควรทำประกันภัยสินค้าระหว่างการขนส่ง เพราะหากสินค้าตกหล่น หรือเกิดความเสียหายระหว่างทาง ประกันจะช่วยคุมครองจากการสูญเสีย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง

 

เลือกบริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์ 

การเลือกบริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจว่าการนำเข้าสินค้าของคุณจะปลอดภัยหายห่วง เพราะอยู่ในมือของบริษัทขนส่งที่ไว้ใจได้ นอกจากนั้นบริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์จะสามารถให้คำปรึกษา และคำแนะนำที่มีประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการได้ 

 

การนำเข้าสินค้าเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการต้องอาศัยการวางแผน และการเตรียมพร้อมอย่างรอบคอบ รวมถึงผู้ประกอบการนั้นต้องศึกษา และทำความเข้าใจกฏระเบียบเพื่อให้สามารถเตรียมเอกสารประกอบการส่งได้ครบถ้วน อีกทั้งการเตรียมการอย่างรอบคอบนั้นจะทำให้เราทราบถึงต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่าง ๆ ได้  และข้อที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่น ๆ เลยคือการเลือกบริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์ ต้องเป็นบริษัทที่ไว้ใจได้ และมีความเชี่ยวชาญในการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศ SME SHIPPING เป็นผู้เชี่ยวชาญในการขนส่งเอกสารและพัสดุไปยังต่างประเทศทั่วโลก บริการของเราเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมและลูกค้ารายย่อยทั่วไป ผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำ อาทิ Fedex ,ไปรษณีย์ไทย ,SF Express และ Teleport เป็นต้น

 โดยจุดเด่นของ SME SHIPPING คือบริการ Door to Door Service ที่สะดวกสบาย โดยรับเอกสารและพัสดุจากมือผู้ส่งและส่งถึงมือผู้รับปลายทางอย่างปลอดภัย

หากของตีกลับจากต่างประเทศ เราควรรับมืออย่างไรบ้าง?

สำหรับพ่อค้าแม่ค้า และผู้ประกอบการรายย่อย ที่ต้องส่งของไปยังต่างประเทศ ทุกคนก็หวังอยากให้สินค้าถึงมือผู้รับไวที่สุด และปลอดภัยที่สุด แต่ต้องปวดหัวทุกทีเมื่อสินค้าขึ้นสถานะว่าถูกตีกลับ เพราะนั่นอาจหมายความว่าสินค้าที่เราตั้งใจส่งไปเป็นอย่างดี นั้นไม่ถึงมือผู้รับอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดความไม่พอใจ ให้กับลูกค้า และผู้ใช้บริการได้ และนอกจากนั้นยังส่งผลต่อชื่อเสียงของสินค้า และบริการได้ แต่ทำไมสินค้าถึงถูกตีกลับ และเราจะรับมือยังอย่างไรหากเหตุการณ์สุดน่าปวดหัวนี้เกิดขึ้น? 

 

ทำไมส่งของไปแล้วถึงถูกตีกลับ?

 

ที่อยู่ปลายทางไม่ถูกต้อง : อาจเป็นเหตุผลง่าย ๆ แต่เชื่อเถอะว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยกว่าที่คิด และนับเป็นเหตุผลยอดนิยมในการที่พัสดุถูกตีกลับ การจ่าหน้าที่อยู่ไม่ถูกต้อง หรือ ให้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน อาจส่งผลให้เจ้าหน้าที่ส่งพัสดุไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ เพื่อป้องกัน เหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อน ๆ ควรเช็ครายละเอียดที่อยู่ให้ถูกต้อง และครบถ้วน ก่อนที่จะดำเนินการส่งสินค้า

 

ไม่มีผู้รับปลายทาง : ในบางครั้งสาเหตุที่สินค้าถูกตีกลับนั้น เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้รับได้ หรือ บางครั้งหากผู้รับสินค้าอาศัยอยู่ใน คอนโด หรือ อาคารที่ไม่มีนิติบุคคล ช่วยรับพัสดุก็อาจทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวได้ ทางที่ดีเราควรคุยรายละเอียดวันส่ง และรับสินค้ากับทางลูกค้าให้เรียบร้อยเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสินค้าจะส่งถึงมือผู้รับ 

 

เป็นสินค้าต้องห้าม : สินค้าบางชนิดเป็นสินค้าต้องห้าม ผู้ส่งจำเป็นต้องศึกษาข้อกฎหมายการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศให้ดี ก่อนนำส่งสินค้า และพิจารณาว่าสินค้าของตนเข้าข่ายสินค้าต้องห้ามหรือไม่ ซึ่งหากสินค้าเป็นสินค้าต้องห้าม อาจถูกตีกลับ หรือ บางครั้งอาจถูกยึดสินค้าได้

 

ขาดเอกสารที่จำเป็น : สินค้าบางชนิด เช่น ยา หรือ วัตถุเคมีภัณฑ์ เป็นสินค้าที่ต้องมีเอกสารประกอบการส่งสินค้า ซึ่งถ้าหากผู้ส่งไม่มีเอกสารดังกล่าวประกอบ อาจส่งผลให้ถูกตีกลับได้ เพราะฉะนั้นผู้ส่งจำเป็นต้องศึกษาข้อบังคับ และวิธีการขอใบอนุญาติ ให้ดีก่อนนำส่งสินค้า

 

จะรับมืออย่างไรหากสินค้าถูกตีกลับ?

 

ติดต่อบริษัทขนส่ง : สอบถามบริษัทขนส่งว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นทำไมสินค้าถึงถูกตีกลับ เพื่อให้ทราบถึงปัญหาอย่างละเอียด เช่น ที่อยู่ผิดพลาด ไม่ชัดเจน ขาดเอกสารขออนุญาติ หรือ เป็นสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาติในการส่งออก

 

ตรวจสอบเอกสาร และที่อยู่ : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าที่อยู่ปลายทางให้ถูกต้อง และครบถ้วน และแก้ไขหากมีข้อผิดพลาด นอกจากนั้นต้องตรวจสอบว่ามีเอกสารประกอบการขออนุญาติสินค้า ตามกฏหรือระเบียบของประเทศปลายทางหรือไม่

 

ตรวจสอบกฏ และระเบียบของประเทศปลายทาง : ศึกษากฏหมาย และข้อบังคับ ในการจัดส่งสินค้าไปยังประเทศปลายทางว่ามีข้อห้าม หรือระเบียบวิธีการอย่างไรบ้าง ทำการแก้ไข และทำเอกสารให้ครบถ้วนก่อนดำเนินการส่งใหม่อีกครั้ง

 

พิจารณาเปลี่ยนผู้ให้บริการ : ผู้ให้บริการขนส่งบางแห่งอาจขาดประสบการณ์ในการส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถแนะนำ หรือ ดำเนินการจัดส่งสินค้าให้เรียบร้อยไปยังปลายทางได้ หากกรณีเหล่านี้เกิดขึ้น ควรพิจารณาเปลี่ยนผู้ให้บริการ 

 

สำหรับใครที่กำลังมองหาผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ ปลอดภัย และไว้ใจได้ SME SHIPPING เป็นผู้เชี่ยวชาญในการขนส่งเอกสารและพัสดุไปยังต่างประเทศทั่วโลก บริการของเราเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมและลูกค้ารายย่อยทั่วไป ผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำ อาทิ Fedex ,ไปรษณีย์ไทย ,SF Express และ Teleport เป็นต้น

 

 โดยจุดเด่นของ SME SHIPPING คือบริการ Door to Door Service ที่สะดวกสบาย โดยรับเอกสารและพัสดุจากมือผู้ส่งและส่งถึงมือผู้รับปลายทางอย่างปลอดภัย

 

ส่งสินค้าไปจีน คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้ส่งออกไทย

ตลาดจีนถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูงสุดสำหรับการส่งออกสินค้าจากประเทศไทย ด้วยจำนวนประชากรที่มหาศาลและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้จีนเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การส่งของไปจีนหรือการส่งออกสินค้าไปจีนนั้นมีขั้นตอนและกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอนการส่งออกไปจีน เอกสารที่จำเป็น ภาษีและค่าธรรมเนียม รวมถึงเคล็ดลับในการทำตลาดสินค้าในจีน เพื่อให้การส่งออกของคุณประสบความสำเร็จ

4 ขั้นตอนการส่งออกไปจีน

การส่งออกสินค้าไปจีนมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
  1. การเตรียมความพร้อม:

    • ศึกษาตลาดและเลือกสินค้า: ทำความเข้าใจความต้องการของตลาดจีนและเลือกสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค
    • หาผู้ซื้อ: ค้นหาผู้ซื้อที่มีศักยภาพในจีนผ่านช่องทางต่างๆ เช่น งานแสดงสินค้า แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือตัวแทนจำหน่าย
    • เจรจาต่อรอง: ตกลงเงื่อนไขการค้า เช่น ราคา ปริมาณ และเงื่อนไขการชำระเงิน
  2. การเตรียมเอกสาร:

    • เอกสารส่งออก: เตรียมเอกสารส่งออกที่จำเป็น เช่น ใบขนสินค้าขาออก (Export Declaration), ใบกำกับสินค้า (Commercial Invoice), ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading) หรือใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air Waybill)
    • เอกสารอื่นๆ: อาจต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมตามประเภทสินค้าและข้อกำหนดของจีน เช่น ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin), ใบรับรองสุขอนามัย (Health Certificate), หรือใบอนุญาตนำเข้า (Import License)
  3. การขนส่ง:

    • เลือกวิธีการขนส่ง: เลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสมกับสินค้าและความต้องการของคุณ เช่น การขนส่งทางเรือ ทางอากาศ หรือทางบก
    • บรรจุและติดฉลาก: บรรจุสินค้าอย่างปลอดภัยและติดฉลากตามข้อกำหนดของจีน
  4. การดำเนินพิธีการศุลกากร:

    • การสำแดงสินค้า: ยื่นเอกสารและชำระภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า
    • การตรวจปล่อยสินค้า: รอการตรวจปล่อยสินค้าจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรจีนผ่านพิธีการศุลกากร

เอกสารที่ใช้ในการส่งออกไปจีน

เอกสารที่จำเป็นในการส่งออกสินค้าไปจีนอาจแตกต่างกันไปตามประเภทสินค้า อย่างไรก็ตาม เอกสารพื้นฐานที่มักจะต้องใช้ ได้แก่
  • ใบขนสินค้าขาออก (Export Declaration)
  • ใบกำกับสินค้า (Commercial Invoice)
  • ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading) หรือใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air Waybill)
  • ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin)
  • ใบรับรองสุขอนามัย (Health Certificate) (สำหรับสินค้าอาหาร)
  • ใบอนุญาตนำเข้า (Import License) (สำหรับสินค้าบางประเภท)

ภาษีและค่าธรรมเนียมการส่งออกไปจีน

การส่งออกสินค้าไปจีนมีภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องดังนี้
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในจีนอยู่ที่ 13% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่
  • ภาษีศุลกากร: อัตราภาษีศุลกากรจะแตกต่างกันไปตามประเภทสินค้า สามารถตรวจสอบได้จาก HS Code ของสินค้า
  • ค่าธรรมเนียมอื่นๆ: อาจมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าดำเนินพิธีการศุลกากร ค่าตรวจสอบสินค้า หรือค่าขนส่งภายในประเทศจีน

การตลาดสินค้าส่งออกไปจีน

การทำตลาดสินค้าในจีนมีความท้าทายและแตกต่างจากตลาดอื่นๆ ผู้ส่งออกควรพิจารณากลยุทธ์ต่อไปนี้
  • ทำความเข้าใจผู้บริโภคจีน: ศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคจีน เพื่อนำเสนอสินค้าที่ตรงใจ
  • ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์: จีนมีแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เช่น Tmall, JD.com, และ WeChat ผู้ส่งออกควรใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อเข้าถึงผู้บริโภค
  • สร้างแบรนด์: สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือในตลาดจีน
  • ร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น: หาพันธมิตรทางธุรกิจในจีนเพื่อช่วยในการทำตลาดและจัดจำหน่ายสินค้า

กฎระเบียบการนำเข้าสินค้าของจีน

จีนมีกฎระเบียบและข้อกำหนดการนำเข้าสินค้าที่เข้มงวด ผู้ส่งออกควรศึกษาและปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านี้อย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการนำเข้าสินค้า

ส่งออกสินค้าไปจีนอย่างมั่นใจ ไร้กังวล ไปกับ SME Shipping

SME Shipping พร้อมให้บริการด้านการขนส่งและพิธีการศุลกากรอย่างครบวงจรสำหรับการส่งออกสินค้าไปจีน เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมเอกสาร การขนส่ง จนถึงการดำเนินพิธีการศุลกากร เพื่อให้การส่งออกของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ ติดต่อเรา:
  • LINE: @Shipping
  • โทร: 021057777
อย่าปล่อยให้ความซับซ้อนของการส่งออกไปจีนเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจของคุณ ปรึกษา SME Shipping วันนี้ เพื่อเริ่มต้นการส่งออกอย่างมั่นใจ

Add Your Heading Text Here

ส่งของไปเกาหลี สำหรับผู้ส่งออกไทย

เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีกำลังซื้อสูง ทำให้เป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ การส่งออกสินค้าไปเกาหลีใต้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างรายได้และเติบโตทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม การส่งของไปเกาหลีหรือส่งออกสินค้าไปเกาหลีใต้มีขั้นตอนและข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจกระบวนการส่งออกไปเกาหลีใต้ ตั้งแต่การเตรียมตัว การขนส่ง ไปจนถึงพิธีการศุลกากรและข้อตกลงทางการค้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การส่งออกของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ

การส่งออกสินค้าไปเกาหลี: ขั้นตอนและวิธีการ

การส่งออกสินค้าไปเกาหลีมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

  1. การเตรียมความพร้อม:

    • ศึกษาตลาดและเลือกสินค้า: ทำความเข้าใจความต้องการของตลาดเกาหลีและเลือกสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคเกาหลี ศึกษาคู่แข่งและแนวโน้มตลาด เพื่อให้คุณสามารถกำหนดกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม
    • หาผู้ซื้อ: ค้นหาผู้ซื้อที่มีศักยภาพในเกาหลีผ่านช่องทางต่างๆ เช่น งานแสดงสินค้า แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือตัวแทนจำหน่าย
    • เจรจาต่อรอง: ตกลงเงื่อนไขการค้า เช่น ราคา ปริมาณ และเงื่อนไขการชำระเงิน
    • การจดทะเบียนและขอใบอนุญาต: ตรวจสอบและดำเนินการขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเกาหลี
  2. การเตรียมเอกสาร:

    • เอกสารส่งออก: เตรียมเอกสารส่งออกที่จำเป็น เช่น ใบขนสินค้าขาออก (Export Declaration), ใบกำกับสินค้า (Commercial Invoice), ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading) หรือใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air Waybill)
    • เอกสารอื่นๆ: อาจต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมตามประเภทสินค้าและข้อกำหนดของเกาหลี เช่น ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin), ใบรับรองสุขอนามัย (Health Certificate) หรือเอกสารจาก MFDS (Ministry of Food and Drug Safety)
  3. การขนส่ง:

    • เลือกวิธีการขนส่ง: เลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสมกับสินค้าและความต้องการของคุณ เช่น การขนส่งทางเรือ ทางอากาศ หรือการขนส่งแบบรวม (Multimodal Transport)
    • บรรจุและติดฉลาก: บรรจุสินค้าอย่างปลอดภัยและติดฉลากตามข้อกำหนดของเกาหลี โดยเฉพาะการแปลฉลากเป็นภาษาเกาหลี
  4. การดำเนินพิธีการศุลกากร:

    • การสำแดงสินค้า: ยื่นเอกสารและชำระภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า
    • การตรวจปล่อยสินค้า: รอการตรวจปล่อยสินค้าจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรเกาหลีซึ่งต้องผ่านพิธีการศุลกากร

ตลาดการค้าระหว่างไทยและเกาหลี: โอกาสและความท้าทาย

  • โอกาส:

    • เกาหลีใต้มีกำลังซื้อสูง และเปิดกว้างรับสินค้าจากต่างประเทศ
    • ความนิยมในวัฒนธรรมไทยและสินค้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    • ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี (AKFTA) ช่วยลดอุปสรรคทางการค้า
  • ความท้าทาย:

    • การแข่งขันสูงจากทั้งผู้ผลิตในประเทศและต่างประเทศ
    • กฎระเบียบและมาตรฐานสินค้าที่เข้มงวด
    • ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษา

สินค้าที่เป็นที่ต้องการในเกาหลี

สินค้าไทยหลายชนิดได้รับความนิยมในตลาดเกาหลี เช่น

  • อาหารและเครื่องดื่ม: ผลไม้สด ผลไม้อบแห้ง ขนมขบเคี้ยว เครื่องปรุงรส และอาหารทะเลแปรรูป
  • สินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ: เสื้อผ้า เครื่องประดับ และรองเท้าที่มีสไตล์และคุณภาพ
  • ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม: เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และอาหารเสริมจากธรรมชาติ
  • สินค้าหัตถกรรมและของตกแต่งบ้าน: งานฝีมือไทยที่มีเอกลักษณ์และความประณีต
  • สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไอที: อุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือ และแกดเจ็ตต่างๆ

การทำการตลาดในเกาหลี

การทำการตลาดในเกาหลีต้องอาศัยความเข้าใจในพฤติกรรมและความชอบของผู้บริโภคชาวเกาหลี รวมถึงการใช้ช่องทางการตลาดที่เหมาะสม เช่น

  • แพลตฟอร์มออนไลน์: Naver, Coupang, และ Gmarket เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเกาหลี
  • โซเชียลมีเดีย: Instagram, YouTube และ KakaoTalk เป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภคเกาหลี
  • อินฟลูเอนเซอร์: การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์สามารถช่วยเพิ่มการรับรู้และความน่าเชื่อถือของแบรนด์
  • การตลาดแบบเฉพาะกลุ่ม: เข้าใจกลุ่มเป้าหมายและปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสม

ข้อตกลงการค้าระหว่างไทยและเกาหลี

ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี (AKFTA) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2552 ช่วยลดหรือยกเลิกภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าหลายประเภท ทำให้การส่งออกสินค้าจากไทยไปเกาหลีใต้เป็นไปได้ง่ายขึ้น

ส่งออกสินค้าไปเกาหลีอย่างมั่นใจ ไร้กังวล ไปกับ SME Shipping

SME Shipping พร้อมให้บริการด้านการขนส่งและพิธีการศุลกากรอย่างครบวงจรสำหรับการส่งออกสินค้าไปเกาหลี เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมเอกสาร การขนส่ง จนถึงการดำเนินพิธีการศุลกากร เพื่อให้การส่งออกของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ

ติดต่อเรา:

  • LINE: @Shipping
  • โทร: 021057777

อย่าปล่อยให้ความท้าทายในการส่งออกไปเกาหลีเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจของคุณ ปรึกษา SME Shipping วันนี้ เพื่อเริ่มต้นการส่งออกอย่างมั่นใจและประสบความสำเร็จในตลาดเกาหลี

ส่งของไปอเมริกา โอกาสทองของผู้ส่งออกไทย

ส่งของไปอเมริกา: โอกาสทองของผู้ส่งออกไทย

สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่และมีศักยภาพสูงสำหรับสินค้าไทยหลากหลายประเภท ด้วยกำลังซื้อมหาศาลและความต้องการสินค้าที่หลากหลาย ทำให้สหรัฐฯ เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าไปอเมริกานั้นมีขั้นตอนและข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจกระบวนการส่งออกไปอเมริกา ตั้งแต่การเตรียมตัว การขนส่ง ไปจนถึงพิธีการศุลกากรและข้อตกลงทางการค้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การส่งออกของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ

การส่งออกสินค้าไปอเมริกา: ขั้นตอนและกระบวนการ

การส่งออกสินค้าไปอเมริกามีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

  1. การเตรียมความพร้อม:

    • ศึกษาตลาดและเลือกสินค้า: ทำความเข้าใจความต้องการของตลาดสหรัฐฯ และเลือกสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค
    • หาผู้ซื้อ: ค้นหาผู้ซื้อที่มีศักยภาพในสหรัฐฯ ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น งานแสดงสินค้า แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือตัวแทนจำหน่าย
    • เจรจาต่อรอง: ตกลงเงื่อนไขการค้า เช่น ราคา ปริมาณ และเงื่อนไขการชำระเงิน
    • การจดทะเบียนบริษัท: หากจำเป็นต้องมีการจดทะเบียนบริษัทในสหรัฐฯ ควรดำเนินการให้เรียบร้อย
  2. การเตรียมเอกสาร:

    • เอกสารส่งออก: เตรียมเอกสารส่งออกที่จำเป็น เช่น ใบขนสินค้าขาออก (Export Declaration), ใบกำกับสินค้า (Commercial Invoice), ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading) หรือใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air Waybill)
    • เอกสารอื่นๆ: อาจต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมตามประเภทสินค้าและข้อกำหนดของสหรัฐฯ เช่น ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin), ใบรับรองสุขอนามัย (Health Certificate) หรือเอกสารจาก FDA (Food and Drug Administration)
  3. การขนส่ง:

    • เลือกวิธีการขนส่ง: เลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสมกับสินค้าและความต้องการของคุณ เช่น การขนส่งทางเรือ ทางอากาศ หรือการขนส่งแบบรวม (Multimodal Transport)
    • บรรจุและติดฉลาก: บรรจุสินค้าอย่างปลอดภัยและติดฉลากตามข้อกำหนดของสหรัฐฯ
  4. การดำเนินพิธีการศุลกากร:

    • การสำแดงสินค้า: ยื่นเอกสารและชำระภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า
    • การตรวจปล่อยสินค้า: รอการตรวจปล่อยสินค้าจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรสหรัฐฯ

ข้อกำหนดการค้าระหว่างประเทศ

การส่งออกสินค้าไปอเมริกาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ เช่น

  • ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA): ไทยและสหรัฐฯ ไม่มีข้อตกลงการค้าเสรีร่วมกัน ดังนั้นสินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ อาจต้องเสียภาษีนำเข้าตามปกติ
  • กฎระเบียบด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย: สินค้าบางประเภท เช่น อาหาร ยา และเครื่องสำอาง ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของสหรัฐฯ
  • มาตรฐานสินค้า: สินค้าบางประเภทต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสหรัฐฯ เช่น มาตรฐานไฟฟ้า หรือมาตรฐานความปลอดภัย

ตลาดส่งออกอเมริกา: โอกาสและความท้าทาย

ตลาดสหรัฐฯ มีโอกาสมากมายสำหรับสินค้าไทย แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น

  • โอกาส: กำลังซื้อสูง ความต้องการสินค้าหลากหลาย และการเปิดรับสินค้าจากต่างประเทศ
  • ความท้าทาย: การแข่งขันสูง กฎระเบียบที่เข้มงวด และความแตกต่างทางวัฒนธรรม

ภาษีการนำเข้าของสหรัฐอเมริกา

สินค้าที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ อาจต้องเสียภาษีนำเข้า โดยอัตราภาษีจะแตกต่างกันไปตามประเภทสินค้า สามารถตรวจสอบอัตราภาษีได้จาก Harmonized Tariff Schedule (HTS) ของสหรัฐฯ

ข้อตกลงการค้าระหว่างไทยและอเมริกา

ปัจจุบัน ไทยและสหรัฐฯ ยังไม่มีข้อตกลงการค้าเสรีร่วมกัน แต่มีกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหรัฐฯ (TIFA) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ

ส่งออกสินค้าไปอเมริกาอย่างมั่นใจ ไร้กังวล ไปกับ SME Shipping

SME Shipping พร้อมให้บริการด้านการขนส่งและพิธีการศุลกากรอย่างครบวงจรสำหรับการส่งออกสินค้าไปอเมริกา เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมเอกสาร การขนส่ง จนถึงการดำเนินพิธีการศุลกากร เพื่อให้การส่งออกของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ

ติดต่อเรา:

  • LINE: @Shipping
  • โทร: 021057777

อย่าปล่อยให้ความซับซ้อนของการส่งออกไปอเมริกาเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจของคุณ ปรึกษา SME Shipping วันนี้ เพื่อเริ่มต้นการส่งออกอย่างมั่นใจ