ส่งของจากไทยไปอเมริกา สหรัฐอเมริกา หรือเมืองลุงแซม เป็นหนึ่งในประเทศกลุ่ม G8 และเป็นประเทศที่เศรษฐกิจมีระบบเสรี ประชากรส่วนมากเป็นชนชั้นกลางขึ้นไป ความเจริญจึงเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และยังเป็นประเทศที่มีชิ้อด้านความเป็นผู้นำในธุรกิจหลายสาขา ที่สำคัญคือ GDP สูงเป็นอันดับต้นของโลก จึงเป็นประเทศที่เป็นมหาอำนาตทางเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลกสนใจเข้าไปหาช่องทางและโอกาสในการทำธุรกิจ และค้าขายกับบริษัทในสหรัฐจำนวนมาก รวมไปถึงจากที่ไทยด้วยเช่นกัน
ประกันพัสดุ 10,000 บาท
บริการรับถึงหน้าบ้าน
อัพเดทสถานะได้ตลอด 24 ชม.
ส่งถึงภายใน 2-3 วัน
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วเร่งด่วนและดูแลพัสดุใกล้ชิด
ประกันพัสดุ 5,000 บาท
บริการรับถึงหน้าบ้าน
อัพเดทสถานะได้ตลอด 24 ชม.
ส่งถึงภายใน 3-5 วัน
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วในการจัดส่ง
ส่งพัสดุน้ำหนักเบาไม่เกิน 2 กิโลกรัม มีประกันพัสดุ 1,500 บาท
บริการรับถึงหน้าบ้าน
อัพเดทสถานะได้ตลอด 24 ชม.
ส่งถึงภายใน 7-30 วัน
เหมาะสำหรับลูกค้าที่ขายสินค้า e-Commerce
เราให้บริการลูกค้ามามากกว่า 15 ปี ประสบการณ์ของเรา ทำให้เรามีทั้งทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพ ที่พร้อมจะทำให้การส่งของไปต่างประเทศ เป็นเรื่องง่าย
เรามีเครือข่ายบริษัทการขนส่งชั้นนำระดับโลก ครอบคลุมทุกรูปแบบการขนส่งสินค้าทั้งการส่งของไป (ชื่อประเทศ) ทางเรือ หรือส่งของไป (ชื่อประเทศ) ทางเครื่องบิน
เรามีบริการเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้การส่งของไปต่างประเทศของคุณ ได้รับความสะดวก ทั้งการแพ็คสินค้า การจัดทำเอกสารและรับพัสดุถึงที่บ้าน
ส่งถึงมือผู้รับ อย่างปลอดภัย เพราะเรามีบริการเสริมประกันภัยสินค้าตามมูลค่าจริง
สามารถตรวจสอบสถานะได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการของเรา
การมีผู้ใช้บริการซ้ำถึง 80% จากบริษัทชั้นนำในประเทศไทย และการรีวิวของลูกค้า เราพร้อมสร้างความมั่นใจในการส่งของไปต่างประเทศที่มีคุณภาพ ด้วยความเต็มใจ
ติดต่อ SME SHIPPING ผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์, Line@, Facebook Messenger หรือหน้าเว็บของ SME SHIPPING โดยแจ้งรายละเอียดของสินค้าที่ต้องการส่งไปอเมริกา และทางเราจะประเมิณอัตราค่าส่งไปรษณีย์ไปอเมริกาเบื้องต้น แล้วแจ้งราคาให้ลูกค้าทราบ
หากลูกค้าตัดสินใจใช้บริการของ SME SHIPPING เจ้าหน้าที่จะทำการ Booking เพื่อให้ Messenger เข้าไปรับสินค้าถึงมือลูกค้า
Messenger รับสินค้าที่ต้องการส่งถึงมือลูกค้า พร้อมชี้แจงรายละเอียดที่ลูกค้าต้องกรอกข้อมูล และจึงนำกลับมาที่บริษัท
เมื่อของที่ต้องการส่งมาถึงบริษัท สินค้าจะถูกชั่งน้ำหนัก วัดขนาด และแพ็กสินค้าก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายดำเนินการ เพื่อคำนวณราคา และจัดทำเอกสารสำหรับการส่งของให้ลูกค้าทราบ
หากลูกค้ายอมรับข้อตกลงต่าง ๆ ได้แล้ว ก็สามารถดำเนินการส่งออกได้ทันที แต่หากลูกค้าติดปัญหาหรือต้องการปรับเปลี่ยนการส่ง สินค้าก็จะถูกส่งกลับไปที่ขั้นตอนการชั่งน้ำหนัก วัดขนาด และแพ็กสินค้าใหม่ ว่าสามารถปรับลดได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดราคาที่พอใจกับลูกค้า
ขึ้นอยู่กับบริการที่ลูกค้าเลือกใช้ และประเทศปลายทาง ตัวอย่างเช่น
เลือกใช้บริการ EXPRESS PREMIUM จะใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 2-5 วันทำการ
เลือกใช้บริการ EXPRESS PLUS จะใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 5-7 วันทำการ
เลือกใช้บริการ AIRMAIL PLUS จะใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 7-30 วันทำการ
เมื่อ ส่งของจากไทยไปอเมริกา ผู้รับจำเป็นจะต้องชำระภาษีอากรขาเข้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใช้ส่วนบุคคล หรือเพื่อการพาณิชย์ วิธีการประเมินคำนวณตามราคาเอฟโอบี (เสียค่าขนส่งจนถึงเรือ), คือการชำระอากรและภาษีคำนวณจากเฉพาะมูลค่าของสินค้านำเข้าเต็มจำนวน อย่างไรก็ตาม อากรบางชนิดเรียกเก็บตามส่วนของมูลค่าสินค้าและส่วนของปริมาณสินค้านอกเหนือจากอากรสำหรับการส่งของไปประเทศสหรัฐอเมริกา ยังมีการเรียกจัดเก็บค่าธรรมเนียมการค้า (Merchandising Processing Fee), ภาษีขาย (Sales Tax) และภาษีเงินได้ (Internal Revenue Tax)
การส่งของไปประเทศสหรัฐอเมริการ จะคิดอัตราภาษีอากรโดยเรียกเก็บแบบ Ad Valorem (as a percentage of value) คือคิดอัตราร้อยละ ของมูลค่าสินค้า หรือแบบเฉพาะเจาะจง (dollars/cents per unit) คือคำนวณราคาต่อหน่วย อัตราภาษีอากรผันแปรจาก 0% ถึง 37.5%อัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 5.63% สินค้าบางชนิดสามารถนำเข้าโดยไม่ต้องเสียภาษีอากร เช่น ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์บางชนิด หรือภาพวาดและโบราณวัตถุอายุมากกว่า 100 ปี
ในประเทศสหรัฐอเมริกาภาษีขายไม่ได้เรียกเก็บจากการนำเข้าสินค้าโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามด่านศุลกากรของแต่ละรัฐ (Customs & Border Protection (CBP)) สามารถเป็นผู้ดำเนินการแทนในการเรียกเก็บภาษีรัฐจากผู้นำเข้า
ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่อัตราภาษีอากรขั้นต่ำ กล่าวคือ การส่งของไปประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีมูลค่าไม่เกิน USD200 จะได้รับการยกเว้นภาษีอากร
ในประเทศสหรัฐอเมริกา CBP จะเรียกเก็บภาษีระดับสหพันธ์รัฐและค่าธรรมเนียมแทนหน่วยงานสหพันธ์รัฐคล้ายกับหน่วยงานจัดเก็บภาษีอากรของประเทศ (Internal Revenue Service) ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้าในการนำเข้า การชำระค่าธรรมเนียมของผู้นำเข้าจะขึ้นอยู่กับรูปแบบของการนำเข้าและวิธีขนส่ง
การส่งของไปประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อใช้ส่วนบุคคล จะเสียค่าธรรมเนียมอย่างใดอย่างหนึ่งที่ USD2 หรือUSD6 หรือUSD9 ต่อการนำเข้า
ส่วนการการส่งของไปประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อการค้า (สำหรับมูลค่าของสินค้าเกิน USD2,500) จะต้องชำระในอัตรา 0.3464% ของยอดรวมมูลค่าสินค้าซึ่งมีอัตราขั้นต่ำ USD250 และขั้นสูงสุดที่ USD485
ส่งของจากไทยไปอเมริกา ในกรณีชำระภาษีอากรเกินหรือส่งสินค้าคืนไปยังผู้ส่งออก, ผู้นำเข้ามีสิทธิ์ขอคืนภาษีอากร ซึ่งสามารถศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้
ส่งของจากไทยไปอเมริกา สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมศุลกากรและด่านกรมศุลกากรสหรัฐอเมริกา เรื่องการประกาศขั้นตอนการนำเข้าและข้อจำกัดในการส่งของเข้าไปประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ที่เว็บไซต์ : https://www.cbp.gov
ส่งของจากไทยไปอเมริกา การส่งของไปประเทศสหรัฐอเมริกา SME SHIPPING ให้บริการส่งเอกสาร และ พัสดุ ผ่าน DHL EXPRESS, FEDEX EXPRESS, TNT EXPRESS, Global Mail, และบริการส่งทางเรือระหว่างประเทศ
การที่ธุรกิจขยายตัวเติบโตคงเป็นเรื่องปกติ ถ้าเราจะมองหาช่องทางการจำหน่ายช่องทางอื่นเพิ่ม เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจของคุณ ซึ่งในปัจจุบันช่องทางการจำหน่ายสินค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยสาเหตุจากการพัฒนาแพลตฟอร์มการขายออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการสามารถจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มจากเดิม โดยที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน รวมไปถึงเป็นการเปิดโอกาสให้มีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าไปยังต่างประเทศอีกด้วย แล้วผู้ประกอบการจะเตรียมตัวยังไงหากมีการซื้อขายแล้วต้องทำการส่งสินค้าไปต่างประเทศอย่างอเมริกา วันนี้ทาง SME SHIPPING ได้หาข้อมูลมาให้กับคุณแล้ว
เวลาที่เราส่งพัสดุไปต่างประเทศ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องของการเสียภาษีอากรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาษีนำเข้าและภาษีส่งออก แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าจะต้องจ่ายภาษีตัวไหนและจ่ายเมื่อไหร่ รวมถึงคำถามสำคัญที่หลายๆคนให้ความสนใจคือ จะต้องเสียภาษีนำเข้าและส่งออกเท่าไหร่ ใครเป็นคนที่เสียภาษีนำเข้าส่งออกระหว่างผู้รับกับผู้ส่ง
การเสียภาษีอากรจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสินค้าของคุณเดินทางไปถึงประเทศปลายทาง แล้วสินค้ามีมูลค่าเกินหลักเกณฑ์ที่ประเทศปลายทางกำหนด ก็จะมีการเรียกเก็บค่าภาษีก่อนที่จะนำสินค้าเข้ามาในประเทศนั้นๆ โดยปกติแล้วการเสียภาษีจะเป็นความรับผิดชอบของ “ผู้รับ” เรียกว่าการเสียค่าภาษีนำเข้า และจำนวนภาษีที่จะต้องเสียนั้นขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ในการเรียกเก็บภาษีของแต่ละประเทศ สินค้าแต่ละชนิดจะมีอัตราภาษีที่แตกต่างกัน
แต่ละประเทศที่คุณส่งสินค้าไปนั้น จะมีกฎเกณฑ์ในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่ไม่เหมือนกัน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความร่วมมือเขตเศรษฐกิจระหว่างประเทศต้นทางกับปลายทาง และอีกส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับพิกัดของสินค้าและมูลค่าของสินค้านั้นๆ แต่ถ้าหากสินค้าที่จะนำเข้าประเทศปลายทาง มีมูลค่าต่ำกว่าจำนวนเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ ก็จะไม่ต้องจ่ายภาษีนั่นเอง
ราคาค่าจัดส่งไม่รวม ภาษีนำเข้าประเทศอเมริกา สำหรับสินค้าหรือของใช้ส่วนตัวที่มีมูลค่ารวมค่าจัดส่งไม่ถึง USD800 อาจจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ https://www.cbp.gov/trade/basic-import-export
1) ในการจะส่งออกสินค้าประเทศอเมริกา ผู้ส่งออกต้องทราบว่าสินค้าที่จะส่งออกอเมริกาต้องได้รับใบอนุญาตการส่งออก (export license) แต่สินค้าโดยส่วนใหญ่นั้นไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตจากหน่วยงานในอเมริกาก่อนการส่งออก มีเพียงสินค้าบางประเภทที่ต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานในประเทศอเมริกา ซึ่งผู้ส่งออกจะต้องตรวจสอบว่าสินค้านั้น เป็นสินค้าควบคุมการส่งออกของหน่วยงานในประเทศอเมริกาหรือไม่ และสินค้านั้นต้องไม่ใช่สินค้าห้ามนำเข้าในประเทศปลายทาง
2) ภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศอเมริกาจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 10 สรุปแล้ว หากต้องการนำเข้าส่งออกอเมริกา จำเป็นต้องทราบข้อมูลคร่าวๆเหล่านี้ เพื่อเป็นความรู้เบื้องต้นและเป็นแนวทางก่อนจะมีการนำเข้าส่งออกอเมริกา หากสนใจนำเข้าส่งออกอเมริกา SME SHIPPING ให้บริการขนส่งสินค้าแบบครบวงจรในราคาที่เหมาะสม พร้อมบริการอื่นๆอีกมากมาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นบริการแพ็คสินค้า เตรียมเอกสารสำหรับส่งออก เดินพิธีการขาเข้าและขาออก สนใจส่งออก-นำเข้า สินค้า
ประเทศต้นทางของผู้ส่ง และประเทศปลายทางที่ผู้รับอาศัยอยู่
ประเภทของสิ่งของที่จัดส่ง ของบางอย่างไม่ต้องเสียภาษีแต่บางอย่างก็ต้องเสียภาษี ขณะเดียวกัน สิ่งของบางอย่างไม่เสียภาษีในการส่ง แต่ต้องผ่านการเสียภาษีที่ศุลกากรของประเทศปลายทาง โดยผู้รับเป็นผู้จ่าย
มูลค่าของที่จัดส่ง ถ้าสิ่งของที่ส่งไปมีมูลค่าสูงเกินกำหนดก็ต้องเสียภาษี
น้ำหนักและขนาดของสิ่งของ ปัจจัยข้อนี้มีผลต่อค่าส่ง
ส่งของไปอเมริกามีช่องทางการจัดส่งสินค้าทั้งหมด 2 ช่องทาง คือ
การขนส่งทางเครื่องบินหรือทางอากาศ เป็นการขนส่งสินค้าที่ได้รับความนิยมในการนำเข้าส่งออกเมริกามากที่สุดทั้งสะดวกและรวดเร็ว แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูง เหมาะกับสินค้าที่มีขนาดเล็ก ปริมาณไม่มาก
การขนส่งสินค้าทางเรือ หรือทางน้ำ เป็นการขนส่งสินค้าที่เหมาะกับสินค้าขนาดใหญ่ และสินค้าที่นำมาจัดส่งต้องไม่เป็นสินค้าที่เร่งด่วน สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้ ตัวอย่างเช่น เครื่องจักร เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
ให้บริการส่งสินค้าในราคาประหยัด พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งของไปอเมริกา คอยให้คำปรึกษาตลอดทุกขั้นตอนการจัดส่ง บริการ ส่งของไปอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร พัสดุขนาดเล็ก และสินค้าขนาดใหญ่ทั้งทางเครื่องบิน ทางเรือ และทางรถบรรทุก สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อย (SMEs), บุคคลทั่วไปที่ต้องการส่งของไปอเมริกา, และคนไทยในอเมริกาที่ต้องการนำเข้าสินค้าจากไทย
เชื่อว่า ประเทศอเมริกา คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญที่หลายๆคนต้องการที่จะส่งของไป เนื่องจากเป็นประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจโลกและมีจำนวนประชากรเยอะ ดังนั้น เพื่อให้มั่นใจว่าของที่จัดส่งไป จะถึงมือผู้รับอย่างราบรื่น แม้ว่ากฎหมายในต่างแดนจะมีข้อจำกัดมากมาย แต่การส่งของไปประเทศอเมริกานั้นไม่ยากอย่างที่คิด หากเรามีการเตรียมตัวให้พร้อม วันนี้ SME SHIPPING จะมาให้ข้อมูล ห้ามส่งอะไรไปอเมริกา กฎระเบียบการนำเข้าอเมริกา สิ่งของที่ห้ามส่ง และการจัดเตรียมพัสดุเพื่อนำส่ง แบบเข้าใจง่ายๆ มาแนะนำกัน
ในการนำเข้าสินค้าประเทศอเมริกา ผู้นำเข้าจะต้องเสียอัตราภาษีนำเข้าหรือภาษีอากรที่แยกตามแต่ละประเภทของสินค้าก่อนจึงจะนำสินค้าออกจากปลายทางได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผู้นำเข้าจะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าหากมูลค่าสินค้ามีราคาต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 24,600 บาท และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางชนิด ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไปจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า
-สินค้าที่ต้องมีใบอนุญาตนำเข้า ได้แก่ – เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ – ยารักษาโรคบางชนิด – ผลไม้ ผักและพืชประเภทถั่วต่างๆ (nuts) – นม ผลิตภัณฑ์เนย และผลิตภัณฑ์ที่ทําจากนมและเนย – พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช – น้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
-สินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า (trademark) หรือมีลิขสิทธิ์ (copyright) การนําเข้าต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนด
-สินค้าประเภทอาหารแห้ง หากต้องการนำเข้าอเมริกาควรส่งไม่เกิน 10 -20 กิโลกรัม หากเกินต้องมีเอกสารFood and Drug Administration (FDA) ควบคุมสินค้าอาหารและยา หรือขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศุลกากรจะพิจารณา
เริ่มต้นด้วยการบรรจุสิ่งของที่ต้องการจัดส่ง โดยให้ใส่กล่องหรือบรรจุภัณฑ์อย่างระมัดระวัง เนื่องจากเป็นการส่งระยะไกลที่มีโอกาสเกิดการตกหล่นหรือกระแทกได้มาก ดังนั้น จึงควรใส่ห่อกันกระแทก หรือเม็ดกันกระแทกลงไปด้วยเพื่อป้องกันสิ่งของเสียหาย
ก่อนส่งพัสดุ ควรต้องศึกษากฎระเบียบและข้อบังคับของศุลกากรทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสิ่งของบางอย่างอาจต้องห้ามหรือต้องมีเอกสารเฉพาะ จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้นได้
เมื่อศึกษาระเบียบศุลกากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วิธีส่งของไปอเมริกาขั้นต่อไปคือการเลือกผู้ให้บริการขนส่งพัสดุที่ในปัจจุบันมีเปิดบริการมากมาย อย่างไรก็ตาม เคล็ดลับในการเลือกก็อาจพิจารณาจาก ความน่าเชื่อถือ อัตราค่าจัดส่ง เวลาจัดส่ง และความสะดวกในการติดตามพัสดุ
กรอกเอกสารการจัดส่งที่จำเป็นทั้งหมดให้ถูกต้องและครบถ้วน โดยทั่วไปจะมีแบบฟอร์มที่ให้ระบุข้อมูลเกี่ยวกับของที่ทำการจัดส่ง ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่า ขนาด โดยควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้กรอกอย่างละเอียด เพราะยิ่งกรอกครบถ้วนเท่าไร การจัดส่งผ่านศุลกากรก็จะยิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นเท่านั้น
ขั้นตอนต่อไปของวิธีส่งของไปอเมริกา คือชำระค่าธรรมเนียมการจัดส่ง โดยอัตราจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น น้ำหนัก ขนาด และปลายทางของพัสดุ นอกจากนี้ ต้องคำนึงถึงภาษีศุลกากรที่อาจต้องบวกเพิ่มไปด้วยเช่นกัน
เมื่อพัสดุของคุณอยู่ระหว่างการขนส่ง ให้ติดตามและตรวจสอบความคืบหน้าโดยใช้หมายเลขติดตาม ที่ผู้ให้บริการจัดส่งให้มา โดยในปัจจุบันผู้ให้บริการจัดส่งส่วนใหญ่จะมีระบบติดตามออนไลน์ที่ช่วยให้คุณติดตามตำแหน่งของพัสดุได้แบบเรียลไทม์ สร้างความอุ่นใจในการจัดส่งได้มากขึ้น
ปิดท้ายวิธีส่งของไปอเมริกาคือการแจ้งผู้รับเกี่ยวกับการจัดส่ง รวมถึงแจ้งหมายเลขติดตามให้ทราบ เพื่อให้สามารถติดตามความคืบหน้าของพัสดุ และให้แน่ใจว่ากระบวนการจัดส่งราบรื่น ที่สำคัญ การแจ้งให้ผู้รับได้รู้เกี่ยวกับวันที่จัดส่งโดยประมาณจะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพื่อให้ผู้รับสามารถคาดการณ์วันที่พัสดุจะไปถึงได้
เมื่อได้รู้สิ่งของต้องห้ามส่งไปอเมริกา และขั้นตอนวิธีส่งของแล้ว ก็มีอีกสิ่งที่ต้องทราบเช่นกันเพื่อความสะดวกตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงจบกระบวนการส่งก็คือ ข้อควรรู้และข้อควรระวังในการส่งของไปอเมริกา ซึ่งจะมีดังต่อไปนี้
SMESHIPPING เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งสินค้าไปต่างประเทศแบบครบวงจร ในมาตรฐานสากล ช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นและสะดวกสบาย ส่งสินค้าในราคาประหยัด ขนส่งอย่างปลอดภัย ไร้กังวล
ส่งของไปอเมริกา เจ้าไหนดี บริษัทขนส่ง สำหรับส่งพัสดุ สินค้า หรือเอกสาร ให้บริการขนส่งพัสดุระหว่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่กำลังมองหาบริษัทขนส่งได้พิจารณา ส่วนจะมีบริษัทส่งของไปต่างประเทศ เจ้าไหนดี วันนี้ทาง SME SHIPPING ได้รวบรวมขนส่งทั้งหมดมาให้กับลูกค้าได้เลือกเปรียบเทียบ ระยะเวลาขนส่ง และราคาเบื้องต้น เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้บริการ
บริษัทขนส่งต่างประเทศ อย่าง DHL (ดีเฮชแอล) หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า DHL Express (ดีเฮชแอล เอ๊กซ์เพรส) เป็นบริษัทสัญชาติเยอรมันก่อตั้งในปี ค.ศ. 1969 ที่ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ ที่มีการขนส่งหลากหลาย เช่น การขนส่งเอกสาร จดหมาย รวมไปถึงตู้คอนเทนเนอร์ ฯลฯ มาพร้อมกับความโดดเด่นของสีสันเหลือง-แดง และบริการส่งของแบบถึงที่แบบ Door to Door Services บริการจัดส่งพัสดุถึงหน้าประตูบ้าน ที่สามารถติดตามพัสดุได้ตลอดเวลา รวมทั้งดูแลและบริหารจัดการพัสดุตั้งแต่ต้นทาง ถึงผู้รับปลายทางต่างประเทศ
การขนส่งพัสดุ ส่งของ หรือเอกสาร ไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา แบบไหนจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับมากที่สุด ซึ่งปัจจัยหลักในการส่งของไปอเมริกา ที่เป็นสิ่งสำคัญคือระยะเวลาในการขนส่ง ความรวดเร็วในการขนส่ง โดยที่ราคาเเละการบริการจะเป็นไปตามความเร่งด่วนในการจัดส่ง
ส่งของไปอเมริกา กี่วัน ส่ง DHL ไปอเมริกา กี่วัน ดังนั้น เราจึงได้รวบรวมบริการทั้งหมดที่ครอบคลุมการขนส่งระหว่างประเทศ มาเปรียบเทียบข้อดีของเเต่ละเเบบเพื่อส่งของไปอเมริกาอย่างคุ้มค่า ให้คุณได้เลือกใช้บริการได้อย่างเหมาะสมตามต้องการ โดยเรียงลำดับจากบริการขนส่งด่วนที่มีความรวดเร็วมากที่สุด
บริษัทขนส่งพัสดุระหว่างประเทศ FedEx (เฟดเอ็กซ์) หรือชื่อเต็มๆ ว่า FedEx Express ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกปี พ.ศ. 2527 บริษัทนี้เปิดให้บริการมากว่า 25 ปี โดยดำเนินกิจการในประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันเติบโตขึ้นอย่างมากมีสาขาทั่วโลก และประสบความสำเร็จในการให้บริการขนส่งงระหว่างประเทศ บริษัทขนส่ง FedEx ให้บริการขนส่งพัสดุระหว่างประเทศและในประเทศ ด้วยต้นทุนที่ถูก กับการขนส่งด้านโลจิสติกส์ที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ ตรงต่อเวลา
บริการส่งพัสดุ น้ำหนัก <= 68 กก.
เร็วที่สุด
FedEx International First® ตื่นขึ้นมาพบกับความมั่นใจด้วยบริการจัดส่งระหว่างประเทศตั้งแต่เช้าตรู่ของเราไปยังตลาดสำคัญๆ ทั่วโลก โดยผ่านพิธีการศุลกากร และจัดส่งแบบถึงมือผู้รับโดยตรง (Door-to-Door)
FedEx International Priority® Express
การจัดส่งข้ามพรมแดนจะส่งมอบภายในเวลา 10:30 น. หรือเที่ยงวัน โดยใช้เวลา 1 ถึง 2 วันทำการ ไปยังตลาดต่างๆ ที่กำหนดในเอเชีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรป
FedEx International Priority®
การจัดส่งไปยังต่างประเทศก่อนสิ้นสุดวัน โดยปกติจะใช้เวลา 1 ถึง 2 วันทำการ ขึ้นอยู่กับปลายทาง โดยจะจัดส่งไปยังประเทศและเขตปกครองกว่า 220 แห่ง
FedEx® International Connect Plus
เนื่องจากเป็นบริการจัดส่งไปยังต่างประเทศแบบกำหนดวันที่แน่นอนสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ FICP ได้ผสานความรวดเร็วที่ไม่แพ้ใครกับ
ราคาดีที่สุด
FedEx International Economy®
ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดส่งพัสดุระหว่างประเทศที่ค่อนข้างมีน้ำหนักและไม่เน้นเรื่องเวลาเป็นสำคัญ โดยใช้บริการจัดส่งแบบถึงมือผู้รับ (Door-to-Door) รวมถึงบริการดำเนินพิธีการทางศุลกากรที่เชื่อถือได้ของเรา
บริการส่งพัสดุ น้ำหนัก > 68 กก.
เร็วที่สุด
FedEx International Priority® Freight
ตัวเลือกการจัดส่งสินค้าทางอากาศระดับพรีเมียมของเราให้บริการการจัดส่งพัสดุระหว่างประเทศที่มีน้ำหนักมากภายใน 1-3 วันทำการ
ราคาดีที่สุด
FedEx International Economy® Freight
ส่งพัสดุที่มีน้ำหนักมากด้วยค่าจัดส่งระหว่างประเทศที่ย่อมเยาและไม่จำกัดน้ำหนัก
สำหรับบริษัทขนส่งต่างประเทศ ThailandPost (ไทยแลนด์โพส) ที่คุ้นเคยกันดีในชื่อว่า ไปรษณีย์ไทย ที่อยู่คู่เมืองไทยมานาน นอกจากมีบริการส่งของในประเทศแล้ว หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าไปรษณีย์ก็ยังมีบริการส่งของไปต่างประเทศด้วย โดยสามารถส่งของไปต่างประเทศ มีบริการให้เลือกหลากหลาย ตามความเหมาะสมของสิ่งของ ส่งได้ทั้งเอกสาร ของชิ้นเล็ก ของชิ้นใหญ่หนักๆ ก็ส่งได้ ซึ่งใช้ระยะเวลาการจัดส่งประมาณ 4-15 วัน ขึ้นอยู่กับบริการที่เลือกใช้
การส่งของไปต่างประเทศ มีหลายรูปแบบ อัตราค่าส่งโดยรวมก็จะคำนวณจากน้ำหนักจริงของผลิตภัณฑ์นั้น และขึ้นอยู่กับประเภทของการส่งด้วย เช่น ไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศ สำหรับการส่งของชิ้นเล็ก ราคาประหยัดเหมาะกับการส่งของที่ไม่เร่งรีบ ส่งของไปต่างประเทศ มีบริการให้เลือกหลากหลาย ตามความเหมาะสมของสิ่งของ ความเร็วในการจัดส่ง และราคาส่งได้ตรงใจ
อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งจะต้องตรวจสอบข้อมูลล่าสุดของอัตราค่าส่งไปรษณีย์เหล่านี้และ วิธีส่งของไปต่างประเทศไปรษณีย์ไทย กันอีกครั้งเพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่ส่งของได้
ให้บริการโลจิสติกส์ด่วน ครบวงจรชั้นนำในประเทศจีน และเป็นบริษัทขนส่งด่วนที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก โดย SF Express ยึดมั่นในแนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์ คือ เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก SF Express ครอบคลุมทุกระบบด้านโลจิสติกส์ ขยายธุรกิจหลากหลายสาขา มีเครือข่ายด่วนที่มีการเข้าถึงครอบคลุมทั้งประเทศ และประเทศสำคัญๆ และภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก
SF Express ให้บริการลูกค้าด้วยโซลูชั่นซัพพลายเชน แบบครบวงจร ครอบคลุมการจัดหา การผลิต การจัดจำหน่าย การขาย และหลังการขาย ในเวลาเดียวกัน ในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์อัจฉริยะที่มีข้อได้เปรียบของขนาดเครือข่าย “เครือข่ายทางอากาศ + เครือข่ายภาคพื้นดิน + เครือข่ายข้อมูล” SF Express มีรูปแบบธุรกิจที่มีการจัดการที่แข็งแกร่งและควบคุมเครือข่ายทั้งหมด
SF Express Thailand ก่อตั้งขึ้นในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ในปี 2560 โดยให้บริการนำเข้าและส่งออกจากไทยไปยังประเทศจีนและอีกกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย อเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ ด้วยการให้บริการที่รวดเร็วปลอดภัยและเชื่อถือได้
ปลายทาง | การจัดส่งพัสดุด่วน (วันทำการ) |
สหรัฐอเมริกา | 4-5 |
ประเทศปลายทาง | ขนาด | น้ำหนักสูงสุด ต่อกล่อง | มูลค่าสินค้าที่สำแดงต่อการจัดส่ง |
สหรัฐอเมริกา | 200*80*70 (ซม.) | 70 กก. | มูลค่าสินค้าที่สำแดงไม่ควรมีมูลค่าเกิน USD 2,500 (สำหรับลูกค้าที่ชำระรายเดือน) หรือ USD 250 สำหรับลูกค้าที่ชำระเงินสด) |
บริษัทขนส่ง TNT ปัจจุบันได้มีการควบรวมกิจการกับ FedEx นั่นหมายความว่าการให้บริการ ความน่าเชื่อถือต่างๆ นานา นั้นเชื่อถือได้ 100% บริการด้านโลจิสติกส์ขนส่งพัสดุทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลุมมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ส่งตรงถือมือลูกค้าไม่ต้องกลัวว่าพัสดุจะได้รับความเสียหาย เพราะ TNT บริการขนส่งพัสดุระหว่างประเทศให้บริการอย่างมืออาชีพ ไม่ผิดหวังแน่นอน TNT ให้บริการขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมากอย่างหลากหลาย ตั้งแต่บริการจัดส่งแบบด่วน จนถึงบริการแบบประหยัด เพื่อให้คุณจัดส่งสินค้าที่มากกว่า 50 กก.ในอัตราค่าบริการพิเศษ
หากยังไม่รู้จะส่งกับเจ้าไหนดี ลองมาส่งที่ SME SHIPPING ได้เลย มีให้เลือกครบทุก Agent เทียบราคาและเลือกเองได้เลยว่าจะส่งกับเอเจ้นท์ไหน เราเปิดให้บริการขนส่งด่วนต่างประเทศแบบครบวงจรที่เข้าใจคนไทย ตอบโจทย์ผู้ประกอบการออนไลน์และบุคคลทั่วไปด้วยบริการที่หลากหลาย เป็นตัวกลางเชื่อมกับบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำทั้ง ThailandPost, DHL, TNT, ARAMEX, SF EXPRESS, และ FedEx ฯลฯ
ขึ้นอยู่กับบริการที่ลูกค้าเลือกใช้ และประเทศปลายทาง ตัวอย่างเช่น
เลือกใช้บริการ EXPRESS PREMIUM จะใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 2-5 วันทำการ
เลือกใช้บริการ EXPRESS PLUS จะใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 5-7 วันทำการ
เลือกใช้บริการ AIRMAIL PLUS จะใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 7-30 วันทำการ
เห็นได้ชัดว่าในปัจจุบัน ความรวดเร็วในการขนส่งสินค้าเป็นจุดขายที่สำคัญของธุรกิจด้านโลจิสติกส์ เป็นการเเข่งขันที่ค่อนข้างเข้มข้น เพื่อให้ทันต่อความต้องการเเละทันต่อเทคโนโลยีการซื้อขายออนไลน์ ที่มีการเติมโตขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นความสะดวก รวดเร็ว เเละง่ายดาย จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีที่สุด เราจึงรวบรวม บริษัทที่ส่งออกต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายของบริการส่งสินค้าไปต่างประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญ
SMESHIPPING ส่งได้สบายใจไร้กังวล เพราะเรามีทีมงานมืออาชีพให้คำปรึกษา พร้อมนำส่งพัสดุให้คุณแบบ Worldwide Delivery โดยให้บริการแบบ Door-to-Door Services รับของถึงที่ ส่งด่วนใน 3-5 วันทำการ
ส่งของอมริกาใช้เอกสารอะไร – การส่งของไปอเมริกา จะต้องมีการจัดเตรียมเอกสารเพื่อใช้ประกอบการจัดส่งและดำเนินพิธีการต่างๆเช่น พิธีศุลกากรขาออก พิธีศุลกากรขาเข้า เอกสารที่ได้จัดเตรียมเอาไว้จะถูกตรวจเช็คในระหว่างจัดส่งผ่ายขั้นตอนและพิธีการต่างๆ การจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากๆสำหรับการส่งของไปต่างประเทศ เพราะถ้าหากว่าเจ้าหน้าที่เกิดความสงสัยอะไรขึ้นมา เอกสารที่เราแนบไปกับพัสดุจะยืนยันทุกข้อสงสัย
สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับการจัดเตรียมเอกสารประกอบการส่งของไปอเมริกา อาจจะรู้สึกว่ามีความวุ่นวายไม่น้อย นอกจากจะมีเอกสารที่ต้องจัดเตรียมหลายรายการแล้ว ยังมีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจอีกค่อนข้างเยอะ วันนี้ SME SHIPPING นำข้อมูลมาฝากแล้ว ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ซึ่งส่งของอมริกาใช้เอกสารอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย
ใบ Invoice คือใบแสดงรายการสินค้าสำหรับการส่งออกไปต่างประเทศ โดยจะมีข้อมูลรายละเอียดสินค้า, จำนวน, มูลค่าสินค้า, ชื่อผู้รับปลายทาง, ผู้ส่งสินค้า Term of trade เพื่อใช้ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย โดยจุดประสงค์ของ invoice คือ แจ้งรายระเอียดข้อมูลต่างๆของสินค้า เพื่อแสดงต่อศุลกากรประเทศปลายทาง ให้พิจารณาและอนุญาติให้นำสินค้าภายในกล่องนั้นเข้าสู่ประเทศ
อีกหนึ่งเอกสารที่สำคัญสำหรับการส่งของไปต่างประเทศผ่านเครื่องบินคือ AIR WAY BILL หรือภาษาไทยเรียกว่า “ใบตราส่งสินค้าทางอากาศ” คือเอกสารที่ใช้สำหรับแปะแนบไปกับพัสดุที่ทำการจัดส่งไปต่างประเทศเพื่อระบุให้เจ้าหน้าที่รวมถึงพนักงานของบริษัทขนส่งสามารถตรวจสอบได้ว่าพัสดุชิ้นนี้เป็นอะไร น้ำหนักและปริมาณเท่าไหร่ ส่งจากที่ไหนไปที่ไหน ผ่านสายการบินอะไร ผู้ส่งและผู้รับเป็นใคร จัดส่งเมื่อวันที่เท่าไหร่ ข้อมูลใน AIR WAY BILL เหล่านี้จำเป็นสำหรับการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ
FDA คือเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานรัฐบาลกลางเพื่อรับรองถึงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารและยา คนไทยเรียกกันติดปากว่าขอ อย. สำหรับการขอ FDA จะเป็นมาตรที่ได้รับการยอมรับในสากล ถ้ามีเอกสาร FDA ก็จะมีความน่าเชื่อถือว่าสินค้ามีคุณภาพและมีความปลอดภัยในกระบวนการผลิตจริงๆ ทิ้งท้ายเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเอาไว้สำหรับตัวย่อ FDA ในแต่ละเประเทศจะมีหน่วยงานที่กำกับดูแล อาหารและยา ที่มีชื่อเรียกต่างกันทำให้ตัวย่ออาจจะต่างกันในแต่ละประเทศ FDA จะเป็นตัวย่อของหน่วยงานอาการและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา (ของประเทศไทยคือ อย. นิยมเรียกว่า FDA Thai
ในการส่งสินค้าบางประเภทไปยังต่างประเทศจะต้องมีการจด FDA เพื่อแสดงถึงมาตรฐานของสินค้านั้นๆ และถ้าหากว่าขาดเอกสาร FDA อาจจะทำให้ไม่สามารถจัดส่งสินค้าบางประเภทได้ ดังนั้นคุณจะต้องตรวจสอบว่าสินค้าที่คุณต้องการส่งไปยังประเทศปลายทางนั้นมีการเรียกขอให้แนบเอกสาร FDA ด้วยหรือไม่
สินค้าบางประเภทจำเป็นต้องมีการขออนุญาติเพื่อการส่งออก ซึ่งจะต้องแนบหนังสือที่ได้รับอนุญาติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ เพื่อใช้เอกสารที่หน่วยงานออกให้นี้สำหรับประกอบการจัดส่งไปยังต่างประเทศ (สามารถส่งออกหรือนำเข้าสินค้านั้นได้) ตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรบางรายการจะต้องมีการขอเอกสารเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นใบอนุญาติรับรองก่อนที่จะจัดส่งไปยังต่างประเทศได้
Certificate of Origin หรือหนังสือรับรองถิ่นกําเนิดสินค้า เป็นหนังสือที่กรมการค้าต่างประเทศ (หรือหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องในประเทศ) ดำเนินการออกเอกสารนี้ให้เพื่อระบุว่าสินค้าชิ้นนี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่จะใช้งานร่วมกับสิทธิฟอร์มว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ถ้าสินค้าของคุณอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับสิทธิลดทางอากรอันเนื่องมาจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จะต้องแนบเอกสารนี้ไปด้วย
MSDS ย่อมาจาก Material Safety Data Sheet เป็นเอกสารที่ระบุข้อมูลด้านความปลอดภัยสารเคมี ใช้สำหรับป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการจัดส่งและจัดเก็บ ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรู้ว่าจะต้องจัดเก็บอย่างไร ป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไร โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นสารเคมีต่างๆจะต้องมีการแนบเอกสารนี้เพื่อใช้ในการจัดส่งไปต่างประเทศด้วย
สินค้าบางประเภทอาจจะมีการเรียกขอเอกสารเพิ่มเติมเมื่อทำการจัดส่งไปยังต่างประเทศ ซึ่งเอกสารที่จะต้องจัดเตรียมนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าที่ต้องการส่งด้วย บางหมวดสินค้าอาจจะมีเอกสารที่ต้องแนบไปเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า ในกรณีที่คุณไม่มั่นใจว่าสินค้าของคุณจำเป็นต้องแนบเอกสารอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ คุณสามารถติดต่อทีมงาน FastShip เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยค่ะ
นอกจากยังอาจจะมีเอกสารอื่นๆที่คุณอาจจะแนบไปกับการส่งของไปต่างประเทศด้วยเช่น แค็ดตาล็อกเพื่อแสดงสินค้าอื่นๆของคุณให้ลูกค้าได้รู้ หรือเอกสารแสดงส่วนผสม เป็นต้น
มีข้อสงสัย ติดต่อสอบถามทางทีมงาน SME SHIPPING ได้ทุกเมื่อ และเราพร้อมให้บริการส่งของได้ทั่วโลก ชิ้นเดียวก็ส่งได้ รับพัสดุถึงบ้านทั่วประเทศ ติดต่อปรึกษาการส่งพัสดุฟรี
สำหรับประเทศไทย สหรัฐอเมริกา ถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับหนึ่ง ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของไทย ในขณะที่สหรัฐอเมริกา นำเข้าสินค้าจากไทยมากเป็นอันดับที่ 14 โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มากที่สุดในปัจจุบัน สินค้าไทยส่งไปอเมริกา ได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงที่สุดที่ไทยส่งออกไปอเมริกา และมี สัดส่วนการส่งออกคิดเป็นร้อยละ 24 ของมูลค่าส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ทั้งหมดของไทย โดยมีไต้หวัน เกาหลีใต้ เม็กซิโก และจีน เป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดสหรัฐฯ ปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนต่อการขยายการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ของไทยในตลาดสหรัฐฯ คือ การค้าคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากการที่คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้น
เสื้อผ้าสำเร็จรูป สหรัฐอเมริกา เป็นตลาดส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่สำคัญที่สุดของไทย เนื่องจากเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 55 ของการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปทั้งหมดของไทย เสื้อผ้าสำเร็จรูปของไทยที่มีศักยภาพในการขยายตัวได้ดีในตลาดสหรัฐฯ เป็นสินค้าในระดับกลางและระดับบนที่มีเครื่องหมายการค้าเป็นที่รู้จักทั่วไป ส่วนเสื้อผ้าคุณภาพต่ำที่มีราคาถูกเริ่มสูญเสียตลาดให้แก่คู่แข่งที่มีต้นทุนต่ำกว่า เช่น จีน อินโดนีเซีย เม็กซิโก และประเทศแถบลาตินอเมริกา
แผงวงจรไฟฟ้า เป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยอีกรายการหนึ่งที่มีสหรัฐอเมริกา เป็นตลาดหลัก มีมูลค่าส่งออกคิดเป็นร้อยละ 27 ของมูลค่าส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าทั้งหมดของไทย คู่แข่งสำคัญของไทยในตลาดสหรัฐฯ คือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ ข้อเสียเปรียบของไทยในอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้าคือการขาดการพัฒนาอุตสาหกรรมเวเฟอร์แฟบซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำของการผลิตแผงวงจรไฟฟ้า ขณะที่สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นคู่แข่งของไทยได้รับประโยชน์จากการที่ผู้ผลิตแผงวงจรไฟฟ้าของสหรัฐฯ เข้าไปลงทุนผลิตเวเฟอร์แฟบในประเทศของตน
ตลาดอาหาร ก็ถือเป็นตลาดที่สำคัญ เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดบริโภคอาหารมากที่สุดในโลก อีกทั้งเป็นตลาดหลักของการนำเข้าสินค้าอาหารจากประเทศไทย สินค้าอาหารของไทยหลายชนิดครองตลาดเป็นอันดับหนึ่งของสหรัฐฯ เช่น กุ้งแช่แข็ง ปลาทูน่ากระป๋อง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปต่างๆ เป็นต้น
ประเทศสหรัฐอเมริกาจัดเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับการยอมรับว่ามีระบบการรักษาความปลอดภัยอาหารที่ดีที่สุดในโลก ผู้ผลิต/ส่งออกสินค้าอาหารของไทย ที่ต้องการส่งสินค้าอาหารของไทยไปยังสหรัฐฯ จะต้องพึงระลึกเสมอว่า “สหรัฐฯ กำหนดให้สินค้าอาหารนำเข้าจะต้องทำการผลิตให้ มีคุณสมบัติพื้นฐานของสินค้าอาหาร ให้ได้มาตรฐานระดับเดียวกับสินค้าอาหารที่ผลิตในประเทศสหรัฐฯ
และอยู่ภายใต้กฎระเบียบข้อบังคับเดียวกัน” กล่าวคือ ได้รับการผลิตขึ้นในสภาวะสิ่งแวดล้อมที่ถูกสุขลักษณะ ผลิตภัณฑ์มีความสะอาด มีความปลอดภัยต่อการบริโภคและถูกบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่มีฉลากข้อมูลที่เป็นจริง และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เช่นเดียวกับอาหารที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา
เมื่อผู้ผลิต/ส่งออกสินค้าอาหารของไทย มีคุณสมบัติที่สามารถส่งสินค้าอาหารไปขายยังสหรัฐฯ ได้แล้ว ในลำดับต่อไปต้องดูว่า สินค้าที่ผลิตได้ตรงตามมาตรฐานและถูกต้องตามระเบียบอาหารของ FDA ตามที่สหรัฐฯ กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งจะเน้นในเรื่องความปลอดภัยและฉลากสินค้าของ สินค้าอาหาร การนำเข้าสหรัฐฯ สินค้าอาหารทุกชนิดอยู่ภายใต้การควบคุมตามบทบัญญัติของกฏหมาย 2 ฉบับ คือ
ส่วนสินค้าผลิตผลทางการเกษตรและการปศุสัตว์ จะต้องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ U.S. Department of Agricultural และ สินค้าอาหารทะเลจะต้องเป็นไปตามกฏข้อบังคับของ National Marine Fisheries Service, U.S. Department of Commerce
อาหารทะเลกระป๋อง และแปรรูป จากไทยครองตลาดสหรัฐฯ มากเป็นอันดับหนึ่ง มีสัดส่วนการส่งออกกว่าร้อยละ 40 ของมูลค่าส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปรวมของไทย โดยเฉพาะปลาทูน่ากระป๋องและกุ้งกระป๋อง อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญของการส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปของไทยคือการขาดแคลนวัตถุดิบโดยเฉพาะปลาทูน่า ทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่งขัน เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเอกวาดอร์ ซึ่งมีวัตถุดิบเป็นของตนเอง
กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งที่สำคัญที่สุดของไทย คิดเป็นกว่าร้อยละ 40 ของมูลค่าส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งทั้งหมดของไทย ปัจจุบันกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของไทยสามารถครอง ส่วนแบ่งตลาดสหรัฐฯ ได้มากเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีคู่แข่งสำคัญ คือ เอกวาดอร์ แคนาดา เวียดนาม และอินเดีย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความต้องการกุ้งในตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ไทยยังต้องเผชิญกับปัญหาการค้ากุ้งในตลาดสหรัฐฯ หลายประการ โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรงจากคู่แข่ง มาตรการกีดกันการนำเข้ารูปแบบต่างๆ ของสหรัฐฯ ทั้งมาตรการด้านสุขอนามัยและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
นอกจากนี้ หากไทยยังคงหวังพึ่งการส่งออกสินค้าเหล่านี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหันมาเร่งพัฒนาการผลิตสินค้าเพื่อให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ทำการผลิตสินค้าให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตลอดจนมุ่งให้ความสำคัญในการทำการตลาดในเชิงรุกควบคู่ไปด้วยเพื่อศึกษาถึงความต้องการและรสนิยมของผู้ซื้อในแต่ละประเทศ อันเป็นหัวใจสำคัญในการเจาะตลาดใหม่ๆ และขยายตลาดที่มีอยู่เดิมให้กว้างขวางยิ่งขึ้น