BLOG

สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการสมัครขายของใน Amazon | SME Shipping

สมัครขายของใน Amazon ต้องเตรียมอะไรบ้าง ทำอย่างไรให้ผ่าน

การสมัครขายสินค้าบน Amazon เพื่อเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการค้าขายสินค้าในยุคปัจจุบัน ซึ่งก่อนการเริ่มต้นขายสินค้า ร้านค้าจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผ่านการตรวจสอบจาก Amazon และเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างราบรื่น การเตรียมความพร้อมในทุกขั้นตอนก่อนเริ่มสมัครขายสินค้าจะช่วยให้คุณสามารถผ่านกระบวนการสมัครและเริ่มต้นขายของในอเมซอนได้อย่างมั่นใจ และวันนี้ SME Shipping จะพาทุกคนไปทำตามขั้นตอนให้ผ่านฉลุยไปด้วยกัน

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนสมัครขายของใน Amazon

การสมัครขายของในอเมซอนเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์บนแพลตฟอร์มระดับโลก ร้านค้าควรเตรียมความพร้อมทั้งข้อมูลร้านค้าและสินค้า วิเคราะห์โปรไฟล์การขาย และเลือกแผนการขายที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเตรียมเอกสารยืนยันตัวตน บัตรเครดิต และบัญชี Payoneer รวมถึงอีเมลสำหรับการสมัคร เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างผ่านและเริ่มต้นขายสินค้าได้รวดเร็วมากขึ้น ดังนี้

 1.       เตรียมข้อมูลร้านค้าและสินค้าที่ต้องการขาย

เริ่มต้นด้วยการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าของคุณ เช่น ชื่อร้านค้า ที่อยู่สำหรับติดต่อ และรายละเอียดสินค้า ข้อมูลสินค้าควรรวมถึงคำอธิบายที่ชัดเจน รูปภาพคุณภาพสูง และราคาที่แข่งขันได้ ชื่อธุรกิจหรือชื่อแบรนด์ (ถ้ามี) และประเภทสินค้าที่ต้องการขาย (ระบุหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน) โดยปัจจุบัน Amazon มีหมวดหมู่สินค้าให้เลือกขายได้มากกว่า 30 หมวดหมู่ อาทิ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผม, ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ สินค้าสำหรับเด็ก และหมวดหมู่อื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://sell.amazon.co.th/sell/product-category?ref_=sdth_soa_product-cat_i

 2.        เลือกแผนการขายที่เหมาะสม

การวางแผนการขายเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและกลยุทธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การสมัครขายของในอเมซอนของคุณผ่านง่ายขึ้น โดยAmazon มีแผนการขาย 2 ประเภท ระหว่างIndividual และ Professional ให้เลือกขายตามความเหมาะสมของสินค้า คือ

  • Individual Account: เหมาะสำหรับผู้ขายรายย่อยหรือผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน แต่จะมีค่าธรรมเนียมต่อการขายสินค้าแต่ละชิ้น
  • Professional Account: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายสินค้าในปริมาณมาก มีค่าธรรมเนียมรายเดือนประมาณ $39.99 แต่ไม่มีค่าธรรมเนียมต่อชิ้น

 3.        เตรียมเอกสารยืนยันตนให้เรียบร้อย

เมื่อมาถึงขั้นตอนการยืนยันตัวตน Amazon จะขอเอกสารสำคัญเพื่อใช้ยืนยันตัวตน ดังนี้

  • บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง (Passport) เพื่อใช้สำหรับยืนยันตัวตน
  • ที่อยู่ปัจจุบัน โดยต้องใช้หลักฐานที่อยู่ เช่น บิลค่าสาธารณูปโภค (ไม่เกิน 90 วัน)
  • บัญชีธนาคาร สำหรับรับเงินโอนจาก Amazon (บัญชีธนาคารที่แนะนำควรสามารถรับเงินต่างประเทศได้)
  • หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อใช้รับรหัสยืนยันตัวตน (OTP)

4.       สมัครบัญชี Payoneer และบัตรเครดิต

หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมในขั้นตอนต่อมาคือบัญชี Payoneer เพื่อใช้ในการรับเงินค่าสินค้า เนื่องจาก Amazon ไม่รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อผ่าน Paypal และร้านค้าในประเทศไทยจะไม่สามารถรับชำระเงินผ่านการโอนจาก Amazon เข้ามายังบัญชีธนาคารในประเทศไทยได้โดยตรง ดังนั้นก่อนขายสินค้า ร้านค้าจะต้องทำการสมัครบัญชี Payoneer และเชื่อมบัญชีนี้กับ Amazon เพื่อให้สามารถถอนรายได้ของคุณได้อย่างสะดวก และ Amazon จะใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตที่คุณลงทะเบียนไว้ในการหักชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมรายเดือนหรือค่าบริการเสริมอื่นๆ ในขั้นตอนการซื้อขายสินค้า

 5.        สร้างอีเมลที่จะใช้ในการสมัคร

สร้างอีเมลใหม่เพื่อใช้สำหรับบัญชีผู้ขายใน Amazon เท่านั้น เพื่อแยกการจัดการธุรกิจออกจากอีเมลส่วนตัวโดยชัดเจน โดยอีเมลนั้นต้องเป็นแอคเคาท์ที่สามารถตรวจสอบได้ง่ายและตั้งค่าความปลอดภัยผ่านการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อป้องกันข้อมูลบัญชีแล้วเรียบร้อย

 [เคล็ดลับ] ในการสมัครขายของในอเมซอนให้ผ่าน

  1. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและชัดเจน โดยใช้เอกสารที่ตรงกับชื่อที่สมัคร และถ่ายรูปหรือสแกนเอกสารให้ถูกต้อง
  2. ข้อมูลที่อยู่และบัญชีธนาคารต้องตรงกับเอกสารที่ยื่น
  3. เลือกหมวดหมู่สินค้าที่เหมาะสม และตรวจสอบว่าสินค้าที่จะขายไม่อยู่ในหมวดหมู่ที่ต้องการการอนุมัติเพิ่มเติม (เช่น ยา อาหาร หรือเครื่องสำอาง)
  4. ติดตามสถานะการสมัคร ซึ่งหากการสมัครถูกปฏิเสธ คุณสามารถติดต่อทีมสนับสนุนของ Amazon เพื่อสอบถามและแก้ไขข้อผิดพลาด

 การสมัครขายของในอเมซอนจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพราะการเตรียมข้อมูลเหล่านี้ให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อนทำการสมัคร จะช่วยให้กระบวนการสมัครขายสินค้าบน Amazon ของคุณผ่านไปได้อย่างราบรื่นแล้วสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้รวดเร็วขึ้นนั่นเอง *เพิ่มเติม Amazon มีค่าธรรมเนียมหลายประเภท เช่น ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าเก็บสินค้าในคลัง FBA (Fulfillment by Amazon) อย่าลืมศึกษาค่าธรรมเนียมต่างๆ ทุกครั้งก่อนลงขายสินค้า เพื่อวางแผนต้นทุนและกำหนดราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม

สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการสมัครขายของใน Amazon | SME Shipping

สมัครขายของใน Amazon ต้องเตรียมอะไรบ้าง ทำอย่างไรให้ผ่าน

การสมัครขายสินค้าบน Amazon เพื่อเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการค้าขายสินค้าในยุคปัจจุบัน ซึ่งก่อนการเริ่มต้นขายสินค้า ร้านค้าจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผ่านการตรวจสอบจาก Amazon และเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างราบรื่น การเตรียมความพร้อมในทุกขั้นตอนก่อนเริ่มสมัครขายสินค้าจะช่วยให้คุณสามารถผ่านกระบวนการสมัครและเริ่มต้นขายของในอเมซอนได้อย่างมั่นใจ และวันนี้ SME Shipping จะพาทุกคนไปทำตามขั้นตอนให้ผ่านฉลุยไปด้วยกัน

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนสมัครขายของใน Amazon

การสมัครขายของในอเมซอนเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์บนแพลตฟอร์มระดับโลก ร้านค้าควรเตรียมความพร้อมทั้งข้อมูลร้านค้าและสินค้า วิเคราะห์โปรไฟล์การขาย และเลือกแผนการขายที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเตรียมเอกสารยืนยันตัวตน บัตรเครดิต และบัญชี Payoneer รวมถึงอีเมลสำหรับการสมัคร เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างผ่านและเริ่มต้นขายสินค้าได้รวดเร็วมากขึ้น ดังนี้

 1.       เตรียมข้อมูลร้านค้าและสินค้าที่ต้องการขาย

เริ่มต้นด้วยการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าของคุณ เช่น ชื่อร้านค้า ที่อยู่สำหรับติดต่อ และรายละเอียดสินค้า ข้อมูลสินค้าควรรวมถึงคำอธิบายที่ชัดเจน รูปภาพคุณภาพสูง และราคาที่แข่งขันได้ ชื่อธุรกิจหรือชื่อแบรนด์ (ถ้ามี) และประเภทสินค้าที่ต้องการขาย (ระบุหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน) โดยปัจจุบัน Amazon มีหมวดหมู่สินค้าให้เลือกขายได้มากกว่า 30 หมวดหมู่ อาทิ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผม, ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ สินค้าสำหรับเด็ก และหมวดหมู่อื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://sell.amazon.co.th/sell/product-category?ref_=sdth_soa_product-cat_i

 2.        เลือกแผนการขายที่เหมาะสม

การวางแผนการขายเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและกลยุทธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การสมัครขายของในอเมซอนของคุณผ่านง่ายขึ้น โดยAmazon มีแผนการขาย 2 ประเภท ระหว่างIndividual และ Professional ให้เลือกขายตามความเหมาะสมของสินค้า คือ

  • Individual Account: เหมาะสำหรับผู้ขายรายย่อยหรือผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน แต่จะมีค่าธรรมเนียมต่อการขายสินค้าแต่ละชิ้น
  • Professional Account: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายสินค้าในปริมาณมาก มีค่าธรรมเนียมรายเดือนประมาณ $39.99 แต่ไม่มีค่าธรรมเนียมต่อชิ้น

 3.        เตรียมเอกสารยืนยันตนให้เรียบร้อย

เมื่อมาถึงขั้นตอนการยืนยันตัวตน Amazon จะขอเอกสารสำคัญเพื่อใช้ยืนยันตัวตน ดังนี้

  • บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง (Passport) เพื่อใช้สำหรับยืนยันตัวตน
  • ที่อยู่ปัจจุบัน โดยต้องใช้หลักฐานที่อยู่ เช่น บิลค่าสาธารณูปโภค (ไม่เกิน 90 วัน)
  • บัญชีธนาคาร สำหรับรับเงินโอนจาก Amazon (บัญชีธนาคารที่แนะนำควรสามารถรับเงินต่างประเทศได้)
  • หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อใช้รับรหัสยืนยันตัวตน (OTP)

4.       สมัครบัญชี Payoneer และบัตรเครดิต

หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมในขั้นตอนต่อมาคือบัญชี Payoneer เพื่อใช้ในการรับเงินค่าสินค้า เนื่องจาก Amazon ไม่รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อผ่าน Paypal และร้านค้าในประเทศไทยจะไม่สามารถรับชำระเงินผ่านการโอนจาก Amazon เข้ามายังบัญชีธนาคารในประเทศไทยได้โดยตรง ดังนั้นก่อนขายสินค้า ร้านค้าจะต้องทำการสมัครบัญชี Payoneer และเชื่อมบัญชีนี้กับ Amazon เพื่อให้สามารถถอนรายได้ของคุณได้อย่างสะดวก และ Amazon จะใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตที่คุณลงทะเบียนไว้ในการหักชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมรายเดือนหรือค่าบริการเสริมอื่นๆ ในขั้นตอนการซื้อขายสินค้า

 5.        สร้างอีเมลที่จะใช้ในการสมัคร

สร้างอีเมลใหม่เพื่อใช้สำหรับบัญชีผู้ขายใน Amazon เท่านั้น เพื่อแยกการจัดการธุรกิจออกจากอีเมลส่วนตัวโดยชัดเจน โดยอีเมลนั้นต้องเป็นแอคเคาท์ที่สามารถตรวจสอบได้ง่ายและตั้งค่าความปลอดภัยผ่านการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อป้องกันข้อมูลบัญชีแล้วเรียบร้อย

 [เคล็ดลับ] ในการสมัครขายของในอเมซอนให้ผ่าน

  1. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและชัดเจน โดยใช้เอกสารที่ตรงกับชื่อที่สมัคร และถ่ายรูปหรือสแกนเอกสารให้ถูกต้อง
  2. ข้อมูลที่อยู่และบัญชีธนาคารต้องตรงกับเอกสารที่ยื่น
  3. เลือกหมวดหมู่สินค้าที่เหมาะสม และตรวจสอบว่าสินค้าที่จะขายไม่อยู่ในหมวดหมู่ที่ต้องการการอนุมัติเพิ่มเติม (เช่น ยา อาหาร หรือเครื่องสำอาง)
  4. ติดตามสถานะการสมัคร ซึ่งหากการสมัครถูกปฏิเสธ คุณสามารถติดต่อทีมสนับสนุนของ Amazon เพื่อสอบถามและแก้ไขข้อผิดพลาด

 การสมัครขายของในอเมซอนจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพราะการเตรียมข้อมูลเหล่านี้ให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อนทำการสมัคร จะช่วยให้กระบวนการสมัครขายสินค้าบน Amazon ของคุณผ่านไปได้อย่างราบรื่นแล้วสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้รวดเร็วขึ้นนั่นเอง *เพิ่มเติม Amazon มีค่าธรรมเนียมหลายประเภท เช่น ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าเก็บสินค้าในคลัง FBA (Fulfillment by Amazon) อย่าลืมศึกษาค่าธรรมเนียมต่างๆ ทุกครั้งก่อนลงขายสินค้า เพื่อวางแผนต้นทุนและกำหนดราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม

สมัครขายของใน Amazon ต้องเตรียมอะไรบ้าง ทำอย่างไรให้ผ่าน

การสมัครขายสินค้าบน Amazon เพื่อเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการค้าขายสินค้าในยุคปัจจุบัน ซึ่งก่อนการเริ่มต้นขายสินค้า ร้านค้าจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผ่านการตรวจสอบจาก Amazon และเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างราบรื่น การเตรียมความพร้อมในทุกขั้นตอนก่อนเริ่มสมัครขายสินค้าจะช่วยให้คุณสามารถผ่านกระบวนการสมัครและเริ่มต้นขายของในอเมซอนได้อย่างมั่นใจ และวันนี้ SME Shipping จะพาทุกคนไปทำตามขั้นตอนให้ผ่านฉลุยไปด้วยกัน

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนสมัครขายของใน Amazon

การสมัครขายของในอเมซอนเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์บนแพลตฟอร์มระดับโลก ร้านค้าควรเตรียมความพร้อมทั้งข้อมูลร้านค้าและสินค้า วิเคราะห์โปรไฟล์การขาย และเลือกแผนการขายที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเตรียมเอกสารยืนยันตัวตน บัตรเครดิต และบัญชี Payoneer รวมถึงอีเมลสำหรับการสมัคร เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างผ่านและเริ่มต้นขายสินค้าได้รวดเร็วมากขึ้น ดังนี้

 1.       เตรียมข้อมูลร้านค้าและสินค้าที่ต้องการขาย

เริ่มต้นด้วยการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าของคุณ เช่น ชื่อร้านค้า ที่อยู่สำหรับติดต่อ และรายละเอียดสินค้า ข้อมูลสินค้าควรรวมถึงคำอธิบายที่ชัดเจน รูปภาพคุณภาพสูง และราคาที่แข่งขันได้ ชื่อธุรกิจหรือชื่อแบรนด์ (ถ้ามี) และประเภทสินค้าที่ต้องการขาย (ระบุหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน) โดยปัจจุบัน Amazon มีหมวดหมู่สินค้าให้เลือกขายได้มากกว่า 30 หมวดหมู่ อาทิ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผม, ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ สินค้าสำหรับเด็ก และหมวดหมู่อื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://sell.amazon.co.th/sell/product-category?ref_=sdth_soa_product-cat_i

 2.        เลือกแผนการขายที่เหมาะสม

การวางแผนการขายเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและกลยุทธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การสมัครขายของในอเมซอนของคุณผ่านง่ายขึ้น โดยAmazon มีแผนการขาย 2 ประเภท ระหว่างIndividual และ Professional ให้เลือกขายตามความเหมาะสมของสินค้า คือ

  • Individual Account: เหมาะสำหรับผู้ขายรายย่อยหรือผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน แต่จะมีค่าธรรมเนียมต่อการขายสินค้าแต่ละชิ้น
  • Professional Account: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายสินค้าในปริมาณมาก มีค่าธรรมเนียมรายเดือนประมาณ $39.99 แต่ไม่มีค่าธรรมเนียมต่อชิ้น

 3.        เตรียมเอกสารยืนยันตนให้เรียบร้อย

เมื่อมาถึงขั้นตอนการยืนยันตัวตน Amazon จะขอเอกสารสำคัญเพื่อใช้ยืนยันตัวตน ดังนี้

  • บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง (Passport) เพื่อใช้สำหรับยืนยันตัวตน
  • ที่อยู่ปัจจุบัน โดยต้องใช้หลักฐานที่อยู่ เช่น บิลค่าสาธารณูปโภค (ไม่เกิน 90 วัน)
  • บัญชีธนาคาร สำหรับรับเงินโอนจาก Amazon (บัญชีธนาคารที่แนะนำควรสามารถรับเงินต่างประเทศได้)
  • หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อใช้รับรหัสยืนยันตัวตน (OTP)

4.       สมัครบัญชี Payoneer และบัตรเครดิต

หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมในขั้นตอนต่อมาคือบัญชี Payoneer เพื่อใช้ในการรับเงินค่าสินค้า เนื่องจาก Amazon ไม่รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อผ่าน Paypal และร้านค้าในประเทศไทยจะไม่สามารถรับชำระเงินผ่านการโอนจาก Amazon เข้ามายังบัญชีธนาคารในประเทศไทยได้โดยตรง ดังนั้นก่อนขายสินค้า ร้านค้าจะต้องทำการสมัครบัญชี Payoneer และเชื่อมบัญชีนี้กับ Amazon เพื่อให้สามารถถอนรายได้ของคุณได้อย่างสะดวก และ Amazon จะใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตที่คุณลงทะเบียนไว้ในการหักชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมรายเดือนหรือค่าบริการเสริมอื่นๆ ในขั้นตอนการซื้อขายสินค้า

 5.        สร้างอีเมลที่จะใช้ในการสมัคร

สร้างอีเมลใหม่เพื่อใช้สำหรับบัญชีผู้ขายใน Amazon เท่านั้น เพื่อแยกการจัดการธุรกิจออกจากอีเมลส่วนตัวโดยชัดเจน โดยอีเมลนั้นต้องเป็นแอคเคาท์ที่สามารถตรวจสอบได้ง่ายและตั้งค่าความปลอดภัยผ่านการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อป้องกันข้อมูลบัญชีแล้วเรียบร้อย

 [เคล็ดลับ] ในการสมัครขายของในอเมซอนให้ผ่าน

  1. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและชัดเจน โดยใช้เอกสารที่ตรงกับชื่อที่สมัคร และถ่ายรูปหรือสแกนเอกสารให้ถูกต้อง
  2. ข้อมูลที่อยู่และบัญชีธนาคารต้องตรงกับเอกสารที่ยื่น
  3. เลือกหมวดหมู่สินค้าที่เหมาะสม และตรวจสอบว่าสินค้าที่จะขายไม่อยู่ในหมวดหมู่ที่ต้องการการอนุมัติเพิ่มเติม (เช่น ยา อาหาร หรือเครื่องสำอาง)
  4. ติดตามสถานะการสมัคร ซึ่งหากการสมัครถูกปฏิเสธ คุณสามารถติดต่อทีมสนับสนุนของ Amazon เพื่อสอบถามและแก้ไขข้อผิดพลาด

 การสมัครขายของในอเมซอนจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพราะการเตรียมข้อมูลเหล่านี้ให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อนทำการสมัคร จะช่วยให้กระบวนการสมัครขายสินค้าบน Amazon ของคุณผ่านไปได้อย่างราบรื่นแล้วสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้รวดเร็วขึ้นนั่นเอง *เพิ่มเติม Amazon มีค่าธรรมเนียมหลายประเภท เช่น ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าเก็บสินค้าในคลัง FBA (Fulfillment by Amazon) อย่าลืมศึกษาค่าธรรมเนียมต่างๆ ทุกครั้งก่อนลงขายสินค้า เพื่อวางแผนต้นทุนและกำหนดราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม

สมัครขายของใน Amazon ต้องเตรียมอะไรบ้าง ทำอย่างไรให้ผ่าน

การสมัครขายสินค้าบน Amazon เพื่อเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการค้าขายสินค้าในยุคปัจจุบัน ซึ่งก่อนการเริ่มต้นขายสินค้า ร้านค้าจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผ่านการตรวจสอบจาก Amazon และเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างราบรื่น การเตรียมความพร้อมในทุกขั้นตอนก่อนเริ่มสมัครขายสินค้าจะช่วยให้คุณสามารถผ่านกระบวนการสมัครและเริ่มต้นขายของในอเมซอนได้อย่างมั่นใจ และวันนี้ SME Shipping จะพาทุกคนไปทำตามขั้นตอนให้ผ่านฉลุยไปด้วยกัน

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนสมัครขายของใน Amazon

การสมัครขายของในอเมซอนเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์บนแพลตฟอร์มระดับโลก ร้านค้าควรเตรียมความพร้อมทั้งข้อมูลร้านค้าและสินค้า วิเคราะห์โปรไฟล์การขาย และเลือกแผนการขายที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเตรียมเอกสารยืนยันตัวตน บัตรเครดิต และบัญชี Payoneer รวมถึงอีเมลสำหรับการสมัคร เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างผ่านและเริ่มต้นขายสินค้าได้รวดเร็วมากขึ้น ดังนี้

 1.       เตรียมข้อมูลร้านค้าและสินค้าที่ต้องการขาย

เริ่มต้นด้วยการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าของคุณ เช่น ชื่อร้านค้า ที่อยู่สำหรับติดต่อ และรายละเอียดสินค้า ข้อมูลสินค้าควรรวมถึงคำอธิบายที่ชัดเจน รูปภาพคุณภาพสูง และราคาที่แข่งขันได้ ชื่อธุรกิจหรือชื่อแบรนด์ (ถ้ามี) และประเภทสินค้าที่ต้องการขาย (ระบุหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน) โดยปัจจุบัน Amazon มีหมวดหมู่สินค้าให้เลือกขายได้มากกว่า 30 หมวดหมู่ อาทิ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผม, ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ สินค้าสำหรับเด็ก และหมวดหมู่อื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://sell.amazon.co.th/sell/product-category?ref_=sdth_soa_product-cat_i

 2.        เลือกแผนการขายที่เหมาะสม

การวางแผนการขายเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและกลยุทธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การสมัครขายของในอเมซอนของคุณผ่านง่ายขึ้น โดยAmazon มีแผนการขาย 2 ประเภท ระหว่างIndividual และ Professional ให้เลือกขายตามความเหมาะสมของสินค้า คือ

  • Individual Account: เหมาะสำหรับผู้ขายรายย่อยหรือผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน แต่จะมีค่าธรรมเนียมต่อการขายสินค้าแต่ละชิ้น
  • Professional Account: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายสินค้าในปริมาณมาก มีค่าธรรมเนียมรายเดือนประมาณ $39.99 แต่ไม่มีค่าธรรมเนียมต่อชิ้น

 3.        เตรียมเอกสารยืนยันตนให้เรียบร้อย

เมื่อมาถึงขั้นตอนการยืนยันตัวตน Amazon จะขอเอกสารสำคัญเพื่อใช้ยืนยันตัวตน ดังนี้

  • บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง (Passport) เพื่อใช้สำหรับยืนยันตัวตน
  • ที่อยู่ปัจจุบัน โดยต้องใช้หลักฐานที่อยู่ เช่น บิลค่าสาธารณูปโภค (ไม่เกิน 90 วัน)
  • บัญชีธนาคาร สำหรับรับเงินโอนจาก Amazon (บัญชีธนาคารที่แนะนำควรสามารถรับเงินต่างประเทศได้)
  • หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อใช้รับรหัสยืนยันตัวตน (OTP)

4.       สมัครบัญชี Payoneer และบัตรเครดิต

หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมในขั้นตอนต่อมาคือบัญชี Payoneer เพื่อใช้ในการรับเงินค่าสินค้า เนื่องจาก Amazon ไม่รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อผ่าน Paypal และร้านค้าในประเทศไทยจะไม่สามารถรับชำระเงินผ่านการโอนจาก Amazon เข้ามายังบัญชีธนาคารในประเทศไทยได้โดยตรง ดังนั้นก่อนขายสินค้า ร้านค้าจะต้องทำการสมัครบัญชี Payoneer และเชื่อมบัญชีนี้กับ Amazon เพื่อให้สามารถถอนรายได้ของคุณได้อย่างสะดวก และ Amazon จะใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตที่คุณลงทะเบียนไว้ในการหักชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมรายเดือนหรือค่าบริการเสริมอื่นๆ ในขั้นตอนการซื้อขายสินค้า

 5.        สร้างอีเมลที่จะใช้ในการสมัคร

สร้างอีเมลใหม่เพื่อใช้สำหรับบัญชีผู้ขายใน Amazon เท่านั้น เพื่อแยกการจัดการธุรกิจออกจากอีเมลส่วนตัวโดยชัดเจน โดยอีเมลนั้นต้องเป็นแอคเคาท์ที่สามารถตรวจสอบได้ง่ายและตั้งค่าความปลอดภัยผ่านการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อป้องกันข้อมูลบัญชีแล้วเรียบร้อย

 [เคล็ดลับ] ในการสมัครขายของในอเมซอนให้ผ่าน

  1. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและชัดเจน โดยใช้เอกสารที่ตรงกับชื่อที่สมัคร และถ่ายรูปหรือสแกนเอกสารให้ถูกต้อง
  2. ข้อมูลที่อยู่และบัญชีธนาคารต้องตรงกับเอกสารที่ยื่น
  3. เลือกหมวดหมู่สินค้าที่เหมาะสม และตรวจสอบว่าสินค้าที่จะขายไม่อยู่ในหมวดหมู่ที่ต้องการการอนุมัติเพิ่มเติม (เช่น ยา อาหาร หรือเครื่องสำอาง)
  4. ติดตามสถานะการสมัคร ซึ่งหากการสมัครถูกปฏิเสธ คุณสามารถติดต่อทีมสนับสนุนของ Amazon เพื่อสอบถามและแก้ไขข้อผิดพลาด

 การสมัครขายของในอเมซอนจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพราะการเตรียมข้อมูลเหล่านี้ให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อนทำการสมัคร จะช่วยให้กระบวนการสมัครขายสินค้าบน Amazon ของคุณผ่านไปได้อย่างราบรื่นแล้วสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้รวดเร็วขึ้นนั่นเอง *เพิ่มเติม Amazon มีค่าธรรมเนียมหลายประเภท เช่น ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าเก็บสินค้าในคลัง FBA (Fulfillment by Amazon) อย่าลืมศึกษาค่าธรรมเนียมต่างๆ ทุกครั้งก่อนลงขายสินค้า เพื่อวางแผนต้นทุนและกำหนดราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม

สมัครขายของใน Amazon ต้องเตรียมอะไรบ้าง ทำอย่างไรให้ผ่าน

การสมัครขายสินค้าบน Amazon เพื่อเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการค้าขายสินค้าในยุคปัจจุบัน ซึ่งก่อนการเริ่มต้นขายสินค้า ร้านค้าจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผ่านการตรวจสอบจาก Amazon และเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างราบรื่น การเตรียมความพร้อมในทุกขั้นตอนก่อนเริ่มสมัครขายสินค้าจะช่วยให้คุณสามารถผ่านกระบวนการสมัครและเริ่มต้นขายของในอเมซอนได้อย่างมั่นใจ และวันนี้ SME Shipping จะพาทุกคนไปทำตามขั้นตอนให้ผ่านฉลุยไปด้วยกัน

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนสมัครขายของใน Amazon

การสมัครขายของในอเมซอนเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์บนแพลตฟอร์มระดับโลก ร้านค้าควรเตรียมความพร้อมทั้งข้อมูลร้านค้าและสินค้า วิเคราะห์โปรไฟล์การขาย และเลือกแผนการขายที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเตรียมเอกสารยืนยันตัวตน บัตรเครดิต และบัญชี Payoneer รวมถึงอีเมลสำหรับการสมัคร เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างผ่านและเริ่มต้นขายสินค้าได้รวดเร็วมากขึ้น ดังนี้

 1.       เตรียมข้อมูลร้านค้าและสินค้าที่ต้องการขาย

เริ่มต้นด้วยการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าของคุณ เช่น ชื่อร้านค้า ที่อยู่สำหรับติดต่อ และรายละเอียดสินค้า ข้อมูลสินค้าควรรวมถึงคำอธิบายที่ชัดเจน รูปภาพคุณภาพสูง และราคาที่แข่งขันได้ ชื่อธุรกิจหรือชื่อแบรนด์ (ถ้ามี) และประเภทสินค้าที่ต้องการขาย (ระบุหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน) โดยปัจจุบัน Amazon มีหมวดหมู่สินค้าให้เลือกขายได้มากกว่า 30 หมวดหมู่ อาทิ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผม, ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ สินค้าสำหรับเด็ก และหมวดหมู่อื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://sell.amazon.co.th/sell/product-category?ref_=sdth_soa_product-cat_i

 2.        เลือกแผนการขายที่เหมาะสม

การวางแผนการขายเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและกลยุทธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การสมัครขายของในอเมซอนของคุณผ่านง่ายขึ้น โดยAmazon มีแผนการขาย 2 ประเภท ระหว่างIndividual และ Professional ให้เลือกขายตามความเหมาะสมของสินค้า คือ

  • Individual Account: เหมาะสำหรับผู้ขายรายย่อยหรือผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน แต่จะมีค่าธรรมเนียมต่อการขายสินค้าแต่ละชิ้น
  • Professional Account: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายสินค้าในปริมาณมาก มีค่าธรรมเนียมรายเดือนประมาณ $39.99 แต่ไม่มีค่าธรรมเนียมต่อชิ้น

 3.        เตรียมเอกสารยืนยันตนให้เรียบร้อย

เมื่อมาถึงขั้นตอนการยืนยันตัวตน Amazon จะขอเอกสารสำคัญเพื่อใช้ยืนยันตัวตน ดังนี้

  • บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง (Passport) เพื่อใช้สำหรับยืนยันตัวตน
  • ที่อยู่ปัจจุบัน โดยต้องใช้หลักฐานที่อยู่ เช่น บิลค่าสาธารณูปโภค (ไม่เกิน 90 วัน)
  • บัญชีธนาคาร สำหรับรับเงินโอนจาก Amazon (บัญชีธนาคารที่แนะนำควรสามารถรับเงินต่างประเทศได้)
  • หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อใช้รับรหัสยืนยันตัวตน (OTP)

4.       สมัครบัญชี Payoneer และบัตรเครดิต

หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมในขั้นตอนต่อมาคือบัญชี Payoneer เพื่อใช้ในการรับเงินค่าสินค้า เนื่องจาก Amazon ไม่รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อผ่าน Paypal และร้านค้าในประเทศไทยจะไม่สามารถรับชำระเงินผ่านการโอนจาก Amazon เข้ามายังบัญชีธนาคารในประเทศไทยได้โดยตรง ดังนั้นก่อนขายสินค้า ร้านค้าจะต้องทำการสมัครบัญชี Payoneer และเชื่อมบัญชีนี้กับ Amazon เพื่อให้สามารถถอนรายได้ของคุณได้อย่างสะดวก และ Amazon จะใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตที่คุณลงทะเบียนไว้ในการหักชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมรายเดือนหรือค่าบริการเสริมอื่นๆ ในขั้นตอนการซื้อขายสินค้า

 5.        สร้างอีเมลที่จะใช้ในการสมัคร

สร้างอีเมลใหม่เพื่อใช้สำหรับบัญชีผู้ขายใน Amazon เท่านั้น เพื่อแยกการจัดการธุรกิจออกจากอีเมลส่วนตัวโดยชัดเจน โดยอีเมลนั้นต้องเป็นแอคเคาท์ที่สามารถตรวจสอบได้ง่ายและตั้งค่าความปลอดภัยผ่านการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อป้องกันข้อมูลบัญชีแล้วเรียบร้อย

 [เคล็ดลับ] ในการสมัครขายของในอเมซอนให้ผ่าน

  1. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและชัดเจน โดยใช้เอกสารที่ตรงกับชื่อที่สมัคร และถ่ายรูปหรือสแกนเอกสารให้ถูกต้อง
  2. ข้อมูลที่อยู่และบัญชีธนาคารต้องตรงกับเอกสารที่ยื่น
  3. เลือกหมวดหมู่สินค้าที่เหมาะสม และตรวจสอบว่าสินค้าที่จะขายไม่อยู่ในหมวดหมู่ที่ต้องการการอนุมัติเพิ่มเติม (เช่น ยา อาหาร หรือเครื่องสำอาง)
  4. ติดตามสถานะการสมัคร ซึ่งหากการสมัครถูกปฏิเสธ คุณสามารถติดต่อทีมสนับสนุนของ Amazon เพื่อสอบถามและแก้ไขข้อผิดพลาด

 การสมัครขายของในอเมซอนจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพราะการเตรียมข้อมูลเหล่านี้ให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อนทำการสมัคร จะช่วยให้กระบวนการสมัครขายสินค้าบน Amazon ของคุณผ่านไปได้อย่างราบรื่นแล้วสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้รวดเร็วขึ้นนั่นเอง *เพิ่มเติม Amazon มีค่าธรรมเนียมหลายประเภท เช่น ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าเก็บสินค้าในคลัง FBA (Fulfillment by Amazon) อย่าลืมศึกษาค่าธรรมเนียมต่างๆ ทุกครั้งก่อนลงขายสินค้า เพื่อวางแผนต้นทุนและกำหนดราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม

สมัครขายของใน Amazon ต้องเตรียมอะไรบ้าง ทำอย่างไรให้ผ่าน

การสมัครขายสินค้าบน Amazon เพื่อเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการค้าขายสินค้าในยุคปัจจุบัน ซึ่งก่อนการเริ่มต้นขายสินค้า ร้านค้าจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผ่านการตรวจสอบจาก Amazon และเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างราบรื่น การเตรียมความพร้อมในทุกขั้นตอนก่อนเริ่มสมัครขายสินค้าจะช่วยให้คุณสามารถผ่านกระบวนการสมัครและเริ่มต้นขายของในอเมซอนได้อย่างมั่นใจ และวันนี้ SME Shipping จะพาทุกคนไปทำตามขั้นตอนให้ผ่านฉลุยไปด้วยกัน

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนสมัครขายของใน Amazon

การสมัครขายของในอเมซอนเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์บนแพลตฟอร์มระดับโลก ร้านค้าควรเตรียมความพร้อมทั้งข้อมูลร้านค้าและสินค้า วิเคราะห์โปรไฟล์การขาย และเลือกแผนการขายที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเตรียมเอกสารยืนยันตัวตน บัตรเครดิต และบัญชี Payoneer รวมถึงอีเมลสำหรับการสมัคร เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างผ่านและเริ่มต้นขายสินค้าได้รวดเร็วมากขึ้น ดังนี้

 1.       เตรียมข้อมูลร้านค้าและสินค้าที่ต้องการขาย

เริ่มต้นด้วยการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าของคุณ เช่น ชื่อร้านค้า ที่อยู่สำหรับติดต่อ และรายละเอียดสินค้า ข้อมูลสินค้าควรรวมถึงคำอธิบายที่ชัดเจน รูปภาพคุณภาพสูง และราคาที่แข่งขันได้ ชื่อธุรกิจหรือชื่อแบรนด์ (ถ้ามี) และประเภทสินค้าที่ต้องการขาย (ระบุหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน) โดยปัจจุบัน Amazon มีหมวดหมู่สินค้าให้เลือกขายได้มากกว่า 30 หมวดหมู่ อาทิ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผม, ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ สินค้าสำหรับเด็ก และหมวดหมู่อื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://sell.amazon.co.th/sell/product-category?ref_=sdth_soa_product-cat_i

 2.        เลือกแผนการขายที่เหมาะสม

การวางแผนการขายเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและกลยุทธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การสมัครขายของในอเมซอนของคุณผ่านง่ายขึ้น โดยAmazon มีแผนการขาย 2 ประเภท ระหว่างIndividual และ Professional ให้เลือกขายตามความเหมาะสมของสินค้า คือ

  • Individual Account: เหมาะสำหรับผู้ขายรายย่อยหรือผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน แต่จะมีค่าธรรมเนียมต่อการขายสินค้าแต่ละชิ้น
  • Professional Account: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายสินค้าในปริมาณมาก มีค่าธรรมเนียมรายเดือนประมาณ $39.99 แต่ไม่มีค่าธรรมเนียมต่อชิ้น

 3.        เตรียมเอกสารยืนยันตนให้เรียบร้อย

เมื่อมาถึงขั้นตอนการยืนยันตัวตน Amazon จะขอเอกสารสำคัญเพื่อใช้ยืนยันตัวตน ดังนี้

  • บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง (Passport) เพื่อใช้สำหรับยืนยันตัวตน
  • ที่อยู่ปัจจุบัน โดยต้องใช้หลักฐานที่อยู่ เช่น บิลค่าสาธารณูปโภค (ไม่เกิน 90 วัน)
  • บัญชีธนาคาร สำหรับรับเงินโอนจาก Amazon (บัญชีธนาคารที่แนะนำควรสามารถรับเงินต่างประเทศได้)
  • หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อใช้รับรหัสยืนยันตัวตน (OTP)

4.       สมัครบัญชี Payoneer และบัตรเครดิต

หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมในขั้นตอนต่อมาคือบัญชี Payoneer เพื่อใช้ในการรับเงินค่าสินค้า เนื่องจาก Amazon ไม่รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อผ่าน Paypal และร้านค้าในประเทศไทยจะไม่สามารถรับชำระเงินผ่านการโอนจาก Amazon เข้ามายังบัญชีธนาคารในประเทศไทยได้โดยตรง ดังนั้นก่อนขายสินค้า ร้านค้าจะต้องทำการสมัครบัญชี Payoneer และเชื่อมบัญชีนี้กับ Amazon เพื่อให้สามารถถอนรายได้ของคุณได้อย่างสะดวก และ Amazon จะใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตที่คุณลงทะเบียนไว้ในการหักชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมรายเดือนหรือค่าบริการเสริมอื่นๆ ในขั้นตอนการซื้อขายสินค้า

 5.        สร้างอีเมลที่จะใช้ในการสมัคร

สร้างอีเมลใหม่เพื่อใช้สำหรับบัญชีผู้ขายใน Amazon เท่านั้น เพื่อแยกการจัดการธุรกิจออกจากอีเมลส่วนตัวโดยชัดเจน โดยอีเมลนั้นต้องเป็นแอคเคาท์ที่สามารถตรวจสอบได้ง่ายและตั้งค่าความปลอดภัยผ่านการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อป้องกันข้อมูลบัญชีแล้วเรียบร้อย

 [เคล็ดลับ] ในการสมัครขายของในอเมซอนให้ผ่าน

  1. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและชัดเจน โดยใช้เอกสารที่ตรงกับชื่อที่สมัคร และถ่ายรูปหรือสแกนเอกสารให้ถูกต้อง
  2. ข้อมูลที่อยู่และบัญชีธนาคารต้องตรงกับเอกสารที่ยื่น
  3. เลือกหมวดหมู่สินค้าที่เหมาะสม และตรวจสอบว่าสินค้าที่จะขายไม่อยู่ในหมวดหมู่ที่ต้องการการอนุมัติเพิ่มเติม (เช่น ยา อาหาร หรือเครื่องสำอาง)
  4. ติดตามสถานะการสมัคร ซึ่งหากการสมัครถูกปฏิเสธ คุณสามารถติดต่อทีมสนับสนุนของ Amazon เพื่อสอบถามและแก้ไขข้อผิดพลาด

 การสมัครขายของในอเมซอนจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างละเอียด เพราะการเตรียมข้อมูลเหล่านี้ให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อนทำการสมัคร จะช่วยให้กระบวนการสมัครขายสินค้าบน Amazon ของคุณผ่านไปได้อย่างราบรื่นแล้วสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้รวดเร็วขึ้นนั่นเอง *เพิ่มเติม Amazon มีค่าธรรมเนียมหลายประเภท เช่น ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าเก็บสินค้าในคลัง FBA (Fulfillment by Amazon) อย่าลืมศึกษาค่าธรรมเนียมต่างๆ ทุกครั้งก่อนลงขายสินค้า เพื่อวางแผนต้นทุนและกำหนดราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม