BLOG

Title FTA โอกาสลดภาษีที่ผู้ประกอบการควรทราบ | SME Shipping

FTA (Free Trade Agreement) กับโอกาสลดภาษีสำหรับ SME ไทย

แนวคิดเรื่อง FTA (Free Trade Agreement) หรือ ข้อตกลงการค้าเสรี ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่เปิด “ประตูโอกาส” ให้กับ SME ไทย ในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศด้วยต้นทุนที่ลดลง โดยเฉพาะในแง่ของ “ภาษีนำเข้า” ที่สามารถลดลงจนถึง 0% ในหลายกรณี หากรู้จักใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA อย่างถูกต้อง เปรียบเสมือน “บัตรผ่านแดนธุรกิจ” ที่ช่วยให้สินค้าไทยเข้าถึงตลาดใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องแบกรับภาระภาษีที่ถ่วงความสามารถในการแข่งขัน และในบทความนี้ของ SME Shipping จะพาไปดูว่าผู้ประกอบการ SME ไทยควรรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ FTA

FTA คืออะไร?

FTA หรือ Free Trade Agreement คือ ข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศขึ้นไป เพื่อส่งเสริมการค้าโดยการ “ลดหรือยกเลิกอุปสรรคทางการค้า” เช่น ภาษีนำเข้า-ส่งออก มาตรการทางภาษี หรือข้อจำกัดด้านปริมาณ เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกันให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สินค้าและบริการของแต่ละประเทศสามารถเคลื่อนย้ายข้ามเขตแดนได้ “อย่างเสรีและเป็นธรรม”

ไทยมี FTA กับใครบ้าง?

ปัจจุบันประเทศไทยมีข้อตกลง FTA ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคีกับหลายประเทศ เช่น:

  • อาเซียน
  • จีน
  • ญี่ปุ่น
  • เกาหลีใต้
  • ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์
  • อินเดีย
  • ชิลี – เปรู – ฮ่องกง
  • RCEP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค)

รวมแล้วครอบคลุม กว่า 18 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของการค้าระหว่างประเทศของไทย

ทำไม SME ไทยต้องรู้จัก FTA?

ในโลกการค้ายุคใหม่ที่การแข่งขันข้ามพรมแดนกลายเป็นเรื่องปกติ ผู้ประกอบการ SME ไทย จำเป็นต้องมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในต่างประเทศ เพราะมันคือ “ทางลัดลดต้นทุน เพิ่มกำไร” ให้กับการส่งออก สำหรับผู้ประกอบการไทย การทำความเข้าใจและใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA จะช่วยให้

  1. ส่งออกสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าในประเทศปลายทาง (ในบางรายการเหลือภาษี 0%)
  2. แข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น เพราะราคาสินค้าถูกลง
  3. ขยายตลาดไปยังประเทศที่มี FTA กับไทยได้อย่างมั่นใจ
  4. มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ารายใหม่ที่เดิมอาจมีภาษีเป็นอุปสรรค

ผู้ประกอบการ SME จะใช้ประโยชน์จาก FTA ได้อย่างไร?

  1. ตรวจสอบว่าสินค้าของคุณได้รับสิทธิประโยชน์จาก FTA หรือไม่ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ของ กรมการค้าต่างประเทศ หรือระบบ FTA e-Tariff เพื่อตรวจสอบว่า สินค้าของคุณเข้าข่ายลดภาษีนำเข้าหรือไม่
  2. ยื่นขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO – Certificate of Origin) เพื่อแสดงว่าสินค้าของคุณผลิตในประเทศไทยตามข้อกำหนดของ FTA โดยสามารถยื่นขอได้ที่กรมการค้าต่างประเทศ หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น e-Form D หรือ e-CO
  3. ศึกษา “กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า” (Rules of Origin – ROO) อย่างเข้าใจ ซึ่งแต่ละ FTA มีกฎเฉพาะว่า “สินค้าแบบใด” จึงจะถือว่าเป็นของที่ผลิตในไทย เช่น สินค้าต้องผลิตหรือประกอบขั้นสุดท้ายในประเทศไทย หรือมีการใช้วัตถุดิบในประเทศมากกว่าร้อยละที่กำหนด
  4. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ได้แก่ ใบกำกับภาษี, รายการวัตถุดิบ, เอกสารการผลิต, บิลขนส่ง และอื่น ๆ ที่จำเป็นในการประกอบการขอ CO
  5. ติดตามความเคลื่อนไหวของ FTA ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะไทยยังมีการเจรจาเปิดตลาดกับประเทศใหม่ ๆ เช่น EU, EFTA ฯลฯ

ตัวอย่าง SME ที่ได้ประโยชน์จาก FTA

  • ผู้ผลิตผลไม้อบแห้งส่งออกไปจีน ใช้สิทธิ์ FTA ไทย-จีน ลดภาษีนำเข้าเหลือ 0%
  • โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ส่งออกไปออสเตรเลีย ใช้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ลดภาษีลงหลายเท่าตัว
  • โรงงานเสื้อผ้าใช้กฎถิ่นกำเนิดที่ระบุว่า “ตัดเย็บในไทย” ทำให้ได้สิทธิลดภาษีในญี่ปุ่น

FTA ไม่ใช่แค่เรื่องของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่SME ไทยทุกระดับสามารถใช้เป็นเครื่องมือลดต้นทุน ส่งออกได้ง่ายขึ้น และเจาะตลาดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรู้จักเตรียมตัวและใช้ให้เป็นตั้งแต่วันนี้

Title FTA โอกาสลดภาษีที่ผู้ประกอบการควรทราบ | SME Shipping

FTA (Free Trade Agreement) กับโอกาสลดภาษีสำหรับ SME ไทย

แนวคิดเรื่อง FTA (Free Trade Agreement) หรือ ข้อตกลงการค้าเสรี ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่เปิด “ประตูโอกาส” ให้กับ SME ไทย ในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศด้วยต้นทุนที่ลดลง โดยเฉพาะในแง่ของ “ภาษีนำเข้า” ที่สามารถลดลงจนถึง 0% ในหลายกรณี หากรู้จักใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA อย่างถูกต้อง เปรียบเสมือน “บัตรผ่านแดนธุรกิจ” ที่ช่วยให้สินค้าไทยเข้าถึงตลาดใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องแบกรับภาระภาษีที่ถ่วงความสามารถในการแข่งขัน และในบทความนี้ของ SME Shipping จะพาไปดูว่าผู้ประกอบการ SME ไทยควรรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ FTA

FTA คืออะไร?

FTA หรือ Free Trade Agreement คือ ข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศขึ้นไป เพื่อส่งเสริมการค้าโดยการ “ลดหรือยกเลิกอุปสรรคทางการค้า” เช่น ภาษีนำเข้า-ส่งออก มาตรการทางภาษี หรือข้อจำกัดด้านปริมาณ เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกันให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สินค้าและบริการของแต่ละประเทศสามารถเคลื่อนย้ายข้ามเขตแดนได้ “อย่างเสรีและเป็นธรรม”

ไทยมี FTA กับใครบ้าง?

ปัจจุบันประเทศไทยมีข้อตกลง FTA ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคีกับหลายประเทศ เช่น:

  • อาเซียน
  • จีน
  • ญี่ปุ่น
  • เกาหลีใต้
  • ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์
  • อินเดีย
  • ชิลี – เปรู – ฮ่องกง
  • RCEP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค)

รวมแล้วครอบคลุม กว่า 18 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของการค้าระหว่างประเทศของไทย

ทำไม SME ไทยต้องรู้จัก FTA?

ในโลกการค้ายุคใหม่ที่การแข่งขันข้ามพรมแดนกลายเป็นเรื่องปกติ ผู้ประกอบการ SME ไทย จำเป็นต้องมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในต่างประเทศ เพราะมันคือ “ทางลัดลดต้นทุน เพิ่มกำไร” ให้กับการส่งออก สำหรับผู้ประกอบการไทย การทำความเข้าใจและใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA จะช่วยให้

  1. ส่งออกสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าในประเทศปลายทาง (ในบางรายการเหลือภาษี 0%)
  2. แข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น เพราะราคาสินค้าถูกลง
  3. ขยายตลาดไปยังประเทศที่มี FTA กับไทยได้อย่างมั่นใจ
  4. มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ารายใหม่ที่เดิมอาจมีภาษีเป็นอุปสรรค

ผู้ประกอบการ SME จะใช้ประโยชน์จาก FTA ได้อย่างไร?

  1. ตรวจสอบว่าสินค้าของคุณได้รับสิทธิประโยชน์จาก FTA หรือไม่ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ของ กรมการค้าต่างประเทศ หรือระบบ FTA e-Tariff เพื่อตรวจสอบว่า สินค้าของคุณเข้าข่ายลดภาษีนำเข้าหรือไม่
  2. ยื่นขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO – Certificate of Origin) เพื่อแสดงว่าสินค้าของคุณผลิตในประเทศไทยตามข้อกำหนดของ FTA โดยสามารถยื่นขอได้ที่กรมการค้าต่างประเทศ หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น e-Form D หรือ e-CO
  3. ศึกษา “กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า” (Rules of Origin – ROO) อย่างเข้าใจ ซึ่งแต่ละ FTA มีกฎเฉพาะว่า “สินค้าแบบใด” จึงจะถือว่าเป็นของที่ผลิตในไทย เช่น สินค้าต้องผลิตหรือประกอบขั้นสุดท้ายในประเทศไทย หรือมีการใช้วัตถุดิบในประเทศมากกว่าร้อยละที่กำหนด
  4. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ได้แก่ ใบกำกับภาษี, รายการวัตถุดิบ, เอกสารการผลิต, บิลขนส่ง และอื่น ๆ ที่จำเป็นในการประกอบการขอ CO
  5. ติดตามความเคลื่อนไหวของ FTA ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะไทยยังมีการเจรจาเปิดตลาดกับประเทศใหม่ ๆ เช่น EU, EFTA ฯลฯ

ตัวอย่าง SME ที่ได้ประโยชน์จาก FTA

  • ผู้ผลิตผลไม้อบแห้งส่งออกไปจีน ใช้สิทธิ์ FTA ไทย-จีน ลดภาษีนำเข้าเหลือ 0%
  • โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ส่งออกไปออสเตรเลีย ใช้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ลดภาษีลงหลายเท่าตัว
  • โรงงานเสื้อผ้าใช้กฎถิ่นกำเนิดที่ระบุว่า “ตัดเย็บในไทย” ทำให้ได้สิทธิลดภาษีในญี่ปุ่น

FTA ไม่ใช่แค่เรื่องของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่SME ไทยทุกระดับสามารถใช้เป็นเครื่องมือลดต้นทุน ส่งออกได้ง่ายขึ้น และเจาะตลาดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรู้จักเตรียมตัวและใช้ให้เป็นตั้งแต่วันนี้

FTA (Free Trade Agreement) กับโอกาสลดภาษีสำหรับ SME ไทย

แนวคิดเรื่อง FTA (Free Trade Agreement) หรือ ข้อตกลงการค้าเสรี ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่เปิด “ประตูโอกาส” ให้กับ SME ไทย ในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศด้วยต้นทุนที่ลดลง โดยเฉพาะในแง่ของ “ภาษีนำเข้า” ที่สามารถลดลงจนถึง 0% ในหลายกรณี หากรู้จักใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA อย่างถูกต้อง เปรียบเสมือน “บัตรผ่านแดนธุรกิจ” ที่ช่วยให้สินค้าไทยเข้าถึงตลาดใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องแบกรับภาระภาษีที่ถ่วงความสามารถในการแข่งขัน และในบทความนี้ของ SME Shipping จะพาไปดูว่าผู้ประกอบการ SME ไทยควรรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ FTA

FTA คืออะไร?

FTA หรือ Free Trade Agreement คือ ข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศขึ้นไป เพื่อส่งเสริมการค้าโดยการ “ลดหรือยกเลิกอุปสรรคทางการค้า” เช่น ภาษีนำเข้า-ส่งออก มาตรการทางภาษี หรือข้อจำกัดด้านปริมาณ เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกันให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สินค้าและบริการของแต่ละประเทศสามารถเคลื่อนย้ายข้ามเขตแดนได้ “อย่างเสรีและเป็นธรรม”

ไทยมี FTA กับใครบ้าง?

ปัจจุบันประเทศไทยมีข้อตกลง FTA ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคีกับหลายประเทศ เช่น:

  • อาเซียน
  • จีน
  • ญี่ปุ่น
  • เกาหลีใต้
  • ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์
  • อินเดีย
  • ชิลี – เปรู – ฮ่องกง
  • RCEP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค)

รวมแล้วครอบคลุม กว่า 18 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของการค้าระหว่างประเทศของไทย

ทำไม SME ไทยต้องรู้จัก FTA?

ในโลกการค้ายุคใหม่ที่การแข่งขันข้ามพรมแดนกลายเป็นเรื่องปกติ ผู้ประกอบการ SME ไทย จำเป็นต้องมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในต่างประเทศ เพราะมันคือ “ทางลัดลดต้นทุน เพิ่มกำไร” ให้กับการส่งออก สำหรับผู้ประกอบการไทย การทำความเข้าใจและใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA จะช่วยให้

  1. ส่งออกสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าในประเทศปลายทาง (ในบางรายการเหลือภาษี 0%)
  2. แข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น เพราะราคาสินค้าถูกลง
  3. ขยายตลาดไปยังประเทศที่มี FTA กับไทยได้อย่างมั่นใจ
  4. มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ารายใหม่ที่เดิมอาจมีภาษีเป็นอุปสรรค

ผู้ประกอบการ SME จะใช้ประโยชน์จาก FTA ได้อย่างไร?

  1. ตรวจสอบว่าสินค้าของคุณได้รับสิทธิประโยชน์จาก FTA หรือไม่ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ของ กรมการค้าต่างประเทศ หรือระบบ FTA e-Tariff เพื่อตรวจสอบว่า สินค้าของคุณเข้าข่ายลดภาษีนำเข้าหรือไม่
  2. ยื่นขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO – Certificate of Origin) เพื่อแสดงว่าสินค้าของคุณผลิตในประเทศไทยตามข้อกำหนดของ FTA โดยสามารถยื่นขอได้ที่กรมการค้าต่างประเทศ หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น e-Form D หรือ e-CO
  3. ศึกษา “กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า” (Rules of Origin – ROO) อย่างเข้าใจ ซึ่งแต่ละ FTA มีกฎเฉพาะว่า “สินค้าแบบใด” จึงจะถือว่าเป็นของที่ผลิตในไทย เช่น สินค้าต้องผลิตหรือประกอบขั้นสุดท้ายในประเทศไทย หรือมีการใช้วัตถุดิบในประเทศมากกว่าร้อยละที่กำหนด
  4. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ได้แก่ ใบกำกับภาษี, รายการวัตถุดิบ, เอกสารการผลิต, บิลขนส่ง และอื่น ๆ ที่จำเป็นในการประกอบการขอ CO
  5. ติดตามความเคลื่อนไหวของ FTA ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะไทยยังมีการเจรจาเปิดตลาดกับประเทศใหม่ ๆ เช่น EU, EFTA ฯลฯ

ตัวอย่าง SME ที่ได้ประโยชน์จาก FTA

  • ผู้ผลิตผลไม้อบแห้งส่งออกไปจีน ใช้สิทธิ์ FTA ไทย-จีน ลดภาษีนำเข้าเหลือ 0%
  • โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ส่งออกไปออสเตรเลีย ใช้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ลดภาษีลงหลายเท่าตัว
  • โรงงานเสื้อผ้าใช้กฎถิ่นกำเนิดที่ระบุว่า “ตัดเย็บในไทย” ทำให้ได้สิทธิลดภาษีในญี่ปุ่น

FTA ไม่ใช่แค่เรื่องของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่SME ไทยทุกระดับสามารถใช้เป็นเครื่องมือลดต้นทุน ส่งออกได้ง่ายขึ้น และเจาะตลาดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรู้จักเตรียมตัวและใช้ให้เป็นตั้งแต่วันนี้

FTA (Free Trade Agreement) กับโอกาสลดภาษีสำหรับ SME ไทย

แนวคิดเรื่อง FTA (Free Trade Agreement) หรือ ข้อตกลงการค้าเสรี ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่เปิด “ประตูโอกาส” ให้กับ SME ไทย ในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศด้วยต้นทุนที่ลดลง โดยเฉพาะในแง่ของ “ภาษีนำเข้า” ที่สามารถลดลงจนถึง 0% ในหลายกรณี หากรู้จักใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA อย่างถูกต้อง เปรียบเสมือน “บัตรผ่านแดนธุรกิจ” ที่ช่วยให้สินค้าไทยเข้าถึงตลาดใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องแบกรับภาระภาษีที่ถ่วงความสามารถในการแข่งขัน และในบทความนี้ของ SME Shipping จะพาไปดูว่าผู้ประกอบการ SME ไทยควรรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ FTA

FTA คืออะไร?

FTA หรือ Free Trade Agreement คือ ข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศขึ้นไป เพื่อส่งเสริมการค้าโดยการ “ลดหรือยกเลิกอุปสรรคทางการค้า” เช่น ภาษีนำเข้า-ส่งออก มาตรการทางภาษี หรือข้อจำกัดด้านปริมาณ เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกันให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สินค้าและบริการของแต่ละประเทศสามารถเคลื่อนย้ายข้ามเขตแดนได้ “อย่างเสรีและเป็นธรรม”

ไทยมี FTA กับใครบ้าง?

ปัจจุบันประเทศไทยมีข้อตกลง FTA ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคีกับหลายประเทศ เช่น:

  • อาเซียน
  • จีน
  • ญี่ปุ่น
  • เกาหลีใต้
  • ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์
  • อินเดีย
  • ชิลี – เปรู – ฮ่องกง
  • RCEP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค)

รวมแล้วครอบคลุม กว่า 18 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของการค้าระหว่างประเทศของไทย

ทำไม SME ไทยต้องรู้จัก FTA?

ในโลกการค้ายุคใหม่ที่การแข่งขันข้ามพรมแดนกลายเป็นเรื่องปกติ ผู้ประกอบการ SME ไทย จำเป็นต้องมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในต่างประเทศ เพราะมันคือ “ทางลัดลดต้นทุน เพิ่มกำไร” ให้กับการส่งออก สำหรับผู้ประกอบการไทย การทำความเข้าใจและใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA จะช่วยให้

  1. ส่งออกสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าในประเทศปลายทาง (ในบางรายการเหลือภาษี 0%)
  2. แข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น เพราะราคาสินค้าถูกลง
  3. ขยายตลาดไปยังประเทศที่มี FTA กับไทยได้อย่างมั่นใจ
  4. มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ารายใหม่ที่เดิมอาจมีภาษีเป็นอุปสรรค

ผู้ประกอบการ SME จะใช้ประโยชน์จาก FTA ได้อย่างไร?

  1. ตรวจสอบว่าสินค้าของคุณได้รับสิทธิประโยชน์จาก FTA หรือไม่ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ของ กรมการค้าต่างประเทศ หรือระบบ FTA e-Tariff เพื่อตรวจสอบว่า สินค้าของคุณเข้าข่ายลดภาษีนำเข้าหรือไม่
  2. ยื่นขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO – Certificate of Origin) เพื่อแสดงว่าสินค้าของคุณผลิตในประเทศไทยตามข้อกำหนดของ FTA โดยสามารถยื่นขอได้ที่กรมการค้าต่างประเทศ หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น e-Form D หรือ e-CO
  3. ศึกษา “กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า” (Rules of Origin – ROO) อย่างเข้าใจ ซึ่งแต่ละ FTA มีกฎเฉพาะว่า “สินค้าแบบใด” จึงจะถือว่าเป็นของที่ผลิตในไทย เช่น สินค้าต้องผลิตหรือประกอบขั้นสุดท้ายในประเทศไทย หรือมีการใช้วัตถุดิบในประเทศมากกว่าร้อยละที่กำหนด
  4. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ได้แก่ ใบกำกับภาษี, รายการวัตถุดิบ, เอกสารการผลิต, บิลขนส่ง และอื่น ๆ ที่จำเป็นในการประกอบการขอ CO
  5. ติดตามความเคลื่อนไหวของ FTA ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะไทยยังมีการเจรจาเปิดตลาดกับประเทศใหม่ ๆ เช่น EU, EFTA ฯลฯ

ตัวอย่าง SME ที่ได้ประโยชน์จาก FTA

  • ผู้ผลิตผลไม้อบแห้งส่งออกไปจีน ใช้สิทธิ์ FTA ไทย-จีน ลดภาษีนำเข้าเหลือ 0%
  • โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ส่งออกไปออสเตรเลีย ใช้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ลดภาษีลงหลายเท่าตัว
  • โรงงานเสื้อผ้าใช้กฎถิ่นกำเนิดที่ระบุว่า “ตัดเย็บในไทย” ทำให้ได้สิทธิลดภาษีในญี่ปุ่น

FTA ไม่ใช่แค่เรื่องของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่SME ไทยทุกระดับสามารถใช้เป็นเครื่องมือลดต้นทุน ส่งออกได้ง่ายขึ้น และเจาะตลาดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรู้จักเตรียมตัวและใช้ให้เป็นตั้งแต่วันนี้

FTA (Free Trade Agreement) กับโอกาสลดภาษีสำหรับ SME ไทย

แนวคิดเรื่อง FTA (Free Trade Agreement) หรือ ข้อตกลงการค้าเสรี ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่เปิด “ประตูโอกาส” ให้กับ SME ไทย ในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศด้วยต้นทุนที่ลดลง โดยเฉพาะในแง่ของ “ภาษีนำเข้า” ที่สามารถลดลงจนถึง 0% ในหลายกรณี หากรู้จักใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA อย่างถูกต้อง เปรียบเสมือน “บัตรผ่านแดนธุรกิจ” ที่ช่วยให้สินค้าไทยเข้าถึงตลาดใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องแบกรับภาระภาษีที่ถ่วงความสามารถในการแข่งขัน และในบทความนี้ของ SME Shipping จะพาไปดูว่าผู้ประกอบการ SME ไทยควรรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ FTA

FTA คืออะไร?

FTA หรือ Free Trade Agreement คือ ข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศขึ้นไป เพื่อส่งเสริมการค้าโดยการ “ลดหรือยกเลิกอุปสรรคทางการค้า” เช่น ภาษีนำเข้า-ส่งออก มาตรการทางภาษี หรือข้อจำกัดด้านปริมาณ เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกันให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สินค้าและบริการของแต่ละประเทศสามารถเคลื่อนย้ายข้ามเขตแดนได้ “อย่างเสรีและเป็นธรรม”

ไทยมี FTA กับใครบ้าง?

ปัจจุบันประเทศไทยมีข้อตกลง FTA ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคีกับหลายประเทศ เช่น:

  • อาเซียน
  • จีน
  • ญี่ปุ่น
  • เกาหลีใต้
  • ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์
  • อินเดีย
  • ชิลี – เปรู – ฮ่องกง
  • RCEP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค)

รวมแล้วครอบคลุม กว่า 18 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของการค้าระหว่างประเทศของไทย

ทำไม SME ไทยต้องรู้จัก FTA?

ในโลกการค้ายุคใหม่ที่การแข่งขันข้ามพรมแดนกลายเป็นเรื่องปกติ ผู้ประกอบการ SME ไทย จำเป็นต้องมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในต่างประเทศ เพราะมันคือ “ทางลัดลดต้นทุน เพิ่มกำไร” ให้กับการส่งออก สำหรับผู้ประกอบการไทย การทำความเข้าใจและใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA จะช่วยให้

  1. ส่งออกสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าในประเทศปลายทาง (ในบางรายการเหลือภาษี 0%)
  2. แข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น เพราะราคาสินค้าถูกลง
  3. ขยายตลาดไปยังประเทศที่มี FTA กับไทยได้อย่างมั่นใจ
  4. มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ารายใหม่ที่เดิมอาจมีภาษีเป็นอุปสรรค

ผู้ประกอบการ SME จะใช้ประโยชน์จาก FTA ได้อย่างไร?

  1. ตรวจสอบว่าสินค้าของคุณได้รับสิทธิประโยชน์จาก FTA หรือไม่ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ของ กรมการค้าต่างประเทศ หรือระบบ FTA e-Tariff เพื่อตรวจสอบว่า สินค้าของคุณเข้าข่ายลดภาษีนำเข้าหรือไม่
  2. ยื่นขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO – Certificate of Origin) เพื่อแสดงว่าสินค้าของคุณผลิตในประเทศไทยตามข้อกำหนดของ FTA โดยสามารถยื่นขอได้ที่กรมการค้าต่างประเทศ หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น e-Form D หรือ e-CO
  3. ศึกษา “กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า” (Rules of Origin – ROO) อย่างเข้าใจ ซึ่งแต่ละ FTA มีกฎเฉพาะว่า “สินค้าแบบใด” จึงจะถือว่าเป็นของที่ผลิตในไทย เช่น สินค้าต้องผลิตหรือประกอบขั้นสุดท้ายในประเทศไทย หรือมีการใช้วัตถุดิบในประเทศมากกว่าร้อยละที่กำหนด
  4. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ได้แก่ ใบกำกับภาษี, รายการวัตถุดิบ, เอกสารการผลิต, บิลขนส่ง และอื่น ๆ ที่จำเป็นในการประกอบการขอ CO
  5. ติดตามความเคลื่อนไหวของ FTA ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะไทยยังมีการเจรจาเปิดตลาดกับประเทศใหม่ ๆ เช่น EU, EFTA ฯลฯ

ตัวอย่าง SME ที่ได้ประโยชน์จาก FTA

  • ผู้ผลิตผลไม้อบแห้งส่งออกไปจีน ใช้สิทธิ์ FTA ไทย-จีน ลดภาษีนำเข้าเหลือ 0%
  • โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ส่งออกไปออสเตรเลีย ใช้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ลดภาษีลงหลายเท่าตัว
  • โรงงานเสื้อผ้าใช้กฎถิ่นกำเนิดที่ระบุว่า “ตัดเย็บในไทย” ทำให้ได้สิทธิลดภาษีในญี่ปุ่น

FTA ไม่ใช่แค่เรื่องของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่SME ไทยทุกระดับสามารถใช้เป็นเครื่องมือลดต้นทุน ส่งออกได้ง่ายขึ้น และเจาะตลาดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรู้จักเตรียมตัวและใช้ให้เป็นตั้งแต่วันนี้

FTA (Free Trade Agreement) กับโอกาสลดภาษีสำหรับ SME ไทย

แนวคิดเรื่อง FTA (Free Trade Agreement) หรือ ข้อตกลงการค้าเสรี ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่เปิด “ประตูโอกาส” ให้กับ SME ไทย ในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศด้วยต้นทุนที่ลดลง โดยเฉพาะในแง่ของ “ภาษีนำเข้า” ที่สามารถลดลงจนถึง 0% ในหลายกรณี หากรู้จักใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA อย่างถูกต้อง เปรียบเสมือน “บัตรผ่านแดนธุรกิจ” ที่ช่วยให้สินค้าไทยเข้าถึงตลาดใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องแบกรับภาระภาษีที่ถ่วงความสามารถในการแข่งขัน และในบทความนี้ของ SME Shipping จะพาไปดูว่าผู้ประกอบการ SME ไทยควรรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ FTA

FTA คืออะไร?

FTA หรือ Free Trade Agreement คือ ข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศขึ้นไป เพื่อส่งเสริมการค้าโดยการ “ลดหรือยกเลิกอุปสรรคทางการค้า” เช่น ภาษีนำเข้า-ส่งออก มาตรการทางภาษี หรือข้อจำกัดด้านปริมาณ เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกันให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สินค้าและบริการของแต่ละประเทศสามารถเคลื่อนย้ายข้ามเขตแดนได้ “อย่างเสรีและเป็นธรรม”

ไทยมี FTA กับใครบ้าง?

ปัจจุบันประเทศไทยมีข้อตกลง FTA ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคีกับหลายประเทศ เช่น:

  • อาเซียน
  • จีน
  • ญี่ปุ่น
  • เกาหลีใต้
  • ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์
  • อินเดีย
  • ชิลี – เปรู – ฮ่องกง
  • RCEP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค)

รวมแล้วครอบคลุม กว่า 18 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของการค้าระหว่างประเทศของไทย

ทำไม SME ไทยต้องรู้จัก FTA?

ในโลกการค้ายุคใหม่ที่การแข่งขันข้ามพรมแดนกลายเป็นเรื่องปกติ ผู้ประกอบการ SME ไทย จำเป็นต้องมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในต่างประเทศ เพราะมันคือ “ทางลัดลดต้นทุน เพิ่มกำไร” ให้กับการส่งออก สำหรับผู้ประกอบการไทย การทำความเข้าใจและใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA จะช่วยให้

  1. ส่งออกสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าในประเทศปลายทาง (ในบางรายการเหลือภาษี 0%)
  2. แข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น เพราะราคาสินค้าถูกลง
  3. ขยายตลาดไปยังประเทศที่มี FTA กับไทยได้อย่างมั่นใจ
  4. มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ารายใหม่ที่เดิมอาจมีภาษีเป็นอุปสรรค

ผู้ประกอบการ SME จะใช้ประโยชน์จาก FTA ได้อย่างไร?

  1. ตรวจสอบว่าสินค้าของคุณได้รับสิทธิประโยชน์จาก FTA หรือไม่ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ของ กรมการค้าต่างประเทศ หรือระบบ FTA e-Tariff เพื่อตรวจสอบว่า สินค้าของคุณเข้าข่ายลดภาษีนำเข้าหรือไม่
  2. ยื่นขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO – Certificate of Origin) เพื่อแสดงว่าสินค้าของคุณผลิตในประเทศไทยตามข้อกำหนดของ FTA โดยสามารถยื่นขอได้ที่กรมการค้าต่างประเทศ หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น e-Form D หรือ e-CO
  3. ศึกษา “กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า” (Rules of Origin – ROO) อย่างเข้าใจ ซึ่งแต่ละ FTA มีกฎเฉพาะว่า “สินค้าแบบใด” จึงจะถือว่าเป็นของที่ผลิตในไทย เช่น สินค้าต้องผลิตหรือประกอบขั้นสุดท้ายในประเทศไทย หรือมีการใช้วัตถุดิบในประเทศมากกว่าร้อยละที่กำหนด
  4. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ได้แก่ ใบกำกับภาษี, รายการวัตถุดิบ, เอกสารการผลิต, บิลขนส่ง และอื่น ๆ ที่จำเป็นในการประกอบการขอ CO
  5. ติดตามความเคลื่อนไหวของ FTA ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะไทยยังมีการเจรจาเปิดตลาดกับประเทศใหม่ ๆ เช่น EU, EFTA ฯลฯ

ตัวอย่าง SME ที่ได้ประโยชน์จาก FTA

  • ผู้ผลิตผลไม้อบแห้งส่งออกไปจีน ใช้สิทธิ์ FTA ไทย-จีน ลดภาษีนำเข้าเหลือ 0%
  • โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ส่งออกไปออสเตรเลีย ใช้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ลดภาษีลงหลายเท่าตัว
  • โรงงานเสื้อผ้าใช้กฎถิ่นกำเนิดที่ระบุว่า “ตัดเย็บในไทย” ทำให้ได้สิทธิลดภาษีในญี่ปุ่น

FTA ไม่ใช่แค่เรื่องของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่SME ไทยทุกระดับสามารถใช้เป็นเครื่องมือลดต้นทุน ส่งออกได้ง่ายขึ้น และเจาะตลาดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรู้จักเตรียมตัวและใช้ให้เป็นตั้งแต่วันนี้