BLOG

เงื่อนไขการขอ VAT Refund สำหรับสินค้าส่งออก | SME Shipping

เงื่อนไขการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) สำหรับสินค้าส่งออก

การส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ถือเป็นอีกธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และยังสามารถสร้างมูลค่าการนำเข้าส่งออกได้ทุกปี และตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มของไทยนั้นได้กำหนดให้การส่งออกสินค้า เป็นรายการที่ได้รับยกเว้นภาษีในอัตรา 0% (Zero-rated VAT) เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ส่งออกจะไม่ต้องเสีย VAT สำหรับสินค้าที่ส่งออก แต่สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระไว้กับผู้ขายวัตถุดิบ บริการ หรือสินค้าภายในประเทศได้ และบทความนี้ของ SME Shipping จะพาคุณไปดูการขอคืนภาษี VAT ที่ได้ชำระไว้กับคู่ค้าในประเทศสำหรับสินค้า วัตถุดิบ หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกได้ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด

1.ผู้มีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • เป็นผู้ประกอบการที่ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Registered)
  • มีการ ส่งออกสินค้าจริงตามขั้นตอนทางกฎหมาย
  • มีหลักฐานและเอกสารประกอบที่ครบถ้วนและถูกต้อง 

2. เงื่อนไขสำคัญในการขอคืน VAT

2.1 เป็นรายการสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิ์ VAT 0%

  • การส่งออกสินค้าจากไทยไปต่างประเทศโดยตรง
  • ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าสินค้าออกจากราชอาณาจักรแล้วจริง

2.2มีเอกสารพิสูจน์การส่งออกครบถ้วน

  • ใบขนสินค้าขาออก (Export Declaration)
  • ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ
  • หลักฐานการขนส่ง เช่น ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading / Air Waybill)

2.3ยื่นคำขอคืนภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด

  • ภายใน 3 ปี นับจากวันที่ครบกำหนดการยื่นแบบ ภ.พ.30 ของเดือนที่เกี่ยวข้อง

3. เอกสารที่ต้องใช้ในการขอคืน VAT

  • แบบฟอร์ม ก.พ.10 (แบบคำขอคืนภาษี)
  • รายการภาษีซื้อ
  • ใบกำกับภาษี
  • สำเนาใบขนสินค้า / เอกสารการขนส่ง
  • เอกสารประกอบอื่น ๆ ที่กรมสรรพากรกำหนด 

4. วิธีการยื่นคำขอคืน VAT

  • ยื่นผ่าน สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนอยู่
  • หรือเลือก ยื่นแบบออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร

สินค้าที่เข้าเกณฑ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund)

ผู้ประกอบการสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้าที่นำไปส่งออกได้ เฉพาะกรณีที่สินค้าเข้าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งโดยทั่วไปต้องเป็น สินค้าที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรอย่างแท้จริง พร้อมมีหลักฐานการส่งออกครบถ้วน

✅ ประเภทของสินค้าที่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทยไปต่างประเทศ
  • ส่งทางเรือ, เครื่องบิน หรือพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
  • ต้องมีใบขนสินค้าขาออกที่ผ่านการตรวจปล่อยจากกรมศุลกากร
  • สินค้าที่อยู่ในรูปของวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตและส่งออก
  • เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุดิบอาหาร บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ
  • ต้องแสดงความเกี่ยวข้องกับสินค้าส่งออกจริง
  • สินค้าที่ขายให้ลูกค้าต่างประเทศและจัดส่งไปต่างประเทศโดยตรง
  • ไม่ใช่การขายให้บุคคลในประเทศแม้ลูกค้าจะอยู่ต่างประเทศ 

❌ สินค้าที่ไม่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่มีการขายและบริโภคภายในประเทศ
  • สินค้าที่ส่งออกแบบ “ไม่มีใบขนสินค้า” หรือไม่มีหลักฐานการเคลื่อนย้ายออกจากประเทศ
  • สินค้าที่นำออกไปแต่ไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรอย่างถูกต้อง

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าส่งออกเป็นสิทธิ์ทางภาษีที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและเงื่อนไขของกรมสรรพากรอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธคำขอหรือเกิดปัญหาในภายหลัง โดยการขอคืนภาษีดังกล่าวมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตามอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของเอกสารประกอบการส่งออก การยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมถึงลักษณะของสินค้าและบริการที่เข้าเกณฑ์ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียด เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่พึงได้รับนั่นเอง

เงื่อนไขการขอ VAT Refund สำหรับสินค้าส่งออก | SME Shipping

เงื่อนไขการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) สำหรับสินค้าส่งออก

การส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ถือเป็นอีกธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และยังสามารถสร้างมูลค่าการนำเข้าส่งออกได้ทุกปี และตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มของไทยนั้นได้กำหนดให้การส่งออกสินค้า เป็นรายการที่ได้รับยกเว้นภาษีในอัตรา 0% (Zero-rated VAT) เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ส่งออกจะไม่ต้องเสีย VAT สำหรับสินค้าที่ส่งออก แต่สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระไว้กับผู้ขายวัตถุดิบ บริการ หรือสินค้าภายในประเทศได้ และบทความนี้ของ SME Shipping จะพาคุณไปดูการขอคืนภาษี VAT ที่ได้ชำระไว้กับคู่ค้าในประเทศสำหรับสินค้า วัตถุดิบ หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกได้ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด

1.ผู้มีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • เป็นผู้ประกอบการที่ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Registered)
  • มีการ ส่งออกสินค้าจริงตามขั้นตอนทางกฎหมาย
  • มีหลักฐานและเอกสารประกอบที่ครบถ้วนและถูกต้อง 

2. เงื่อนไขสำคัญในการขอคืน VAT

2.1 เป็นรายการสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิ์ VAT 0%

  • การส่งออกสินค้าจากไทยไปต่างประเทศโดยตรง
  • ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าสินค้าออกจากราชอาณาจักรแล้วจริง

2.2มีเอกสารพิสูจน์การส่งออกครบถ้วน

  • ใบขนสินค้าขาออก (Export Declaration)
  • ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ
  • หลักฐานการขนส่ง เช่น ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading / Air Waybill)

2.3ยื่นคำขอคืนภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด

  • ภายใน 3 ปี นับจากวันที่ครบกำหนดการยื่นแบบ ภ.พ.30 ของเดือนที่เกี่ยวข้อง

3. เอกสารที่ต้องใช้ในการขอคืน VAT

  • แบบฟอร์ม ก.พ.10 (แบบคำขอคืนภาษี)
  • รายการภาษีซื้อ
  • ใบกำกับภาษี
  • สำเนาใบขนสินค้า / เอกสารการขนส่ง
  • เอกสารประกอบอื่น ๆ ที่กรมสรรพากรกำหนด 

4. วิธีการยื่นคำขอคืน VAT

  • ยื่นผ่าน สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนอยู่
  • หรือเลือก ยื่นแบบออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร

สินค้าที่เข้าเกณฑ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund)

ผู้ประกอบการสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้าที่นำไปส่งออกได้ เฉพาะกรณีที่สินค้าเข้าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งโดยทั่วไปต้องเป็น สินค้าที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรอย่างแท้จริง พร้อมมีหลักฐานการส่งออกครบถ้วน

✅ ประเภทของสินค้าที่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทยไปต่างประเทศ
  • ส่งทางเรือ, เครื่องบิน หรือพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
  • ต้องมีใบขนสินค้าขาออกที่ผ่านการตรวจปล่อยจากกรมศุลกากร
  • สินค้าที่อยู่ในรูปของวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตและส่งออก
  • เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุดิบอาหาร บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ
  • ต้องแสดงความเกี่ยวข้องกับสินค้าส่งออกจริง
  • สินค้าที่ขายให้ลูกค้าต่างประเทศและจัดส่งไปต่างประเทศโดยตรง
  • ไม่ใช่การขายให้บุคคลในประเทศแม้ลูกค้าจะอยู่ต่างประเทศ 

❌ สินค้าที่ไม่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่มีการขายและบริโภคภายในประเทศ
  • สินค้าที่ส่งออกแบบ “ไม่มีใบขนสินค้า” หรือไม่มีหลักฐานการเคลื่อนย้ายออกจากประเทศ
  • สินค้าที่นำออกไปแต่ไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรอย่างถูกต้อง

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าส่งออกเป็นสิทธิ์ทางภาษีที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและเงื่อนไขของกรมสรรพากรอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธคำขอหรือเกิดปัญหาในภายหลัง โดยการขอคืนภาษีดังกล่าวมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตามอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของเอกสารประกอบการส่งออก การยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมถึงลักษณะของสินค้าและบริการที่เข้าเกณฑ์ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียด เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่พึงได้รับนั่นเอง

เงื่อนไขการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) สำหรับสินค้าส่งออก

การส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ถือเป็นอีกธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และยังสามารถสร้างมูลค่าการนำเข้าส่งออกได้ทุกปี และตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มของไทยนั้นได้กำหนดให้การส่งออกสินค้า เป็นรายการที่ได้รับยกเว้นภาษีในอัตรา 0% (Zero-rated VAT) เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ส่งออกจะไม่ต้องเสีย VAT สำหรับสินค้าที่ส่งออก แต่สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระไว้กับผู้ขายวัตถุดิบ บริการ หรือสินค้าภายในประเทศได้ และบทความนี้ของ SME Shipping จะพาคุณไปดูการขอคืนภาษี VAT ที่ได้ชำระไว้กับคู่ค้าในประเทศสำหรับสินค้า วัตถุดิบ หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกได้ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด

1.ผู้มีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • เป็นผู้ประกอบการที่ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Registered)
  • มีการ ส่งออกสินค้าจริงตามขั้นตอนทางกฎหมาย
  • มีหลักฐานและเอกสารประกอบที่ครบถ้วนและถูกต้อง 

2. เงื่อนไขสำคัญในการขอคืน VAT

2.1 เป็นรายการสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิ์ VAT 0%

  • การส่งออกสินค้าจากไทยไปต่างประเทศโดยตรง
  • ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าสินค้าออกจากราชอาณาจักรแล้วจริง

2.2มีเอกสารพิสูจน์การส่งออกครบถ้วน

  • ใบขนสินค้าขาออก (Export Declaration)
  • ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ
  • หลักฐานการขนส่ง เช่น ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading / Air Waybill)

2.3ยื่นคำขอคืนภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด

  • ภายใน 3 ปี นับจากวันที่ครบกำหนดการยื่นแบบ ภ.พ.30 ของเดือนที่เกี่ยวข้อง

3. เอกสารที่ต้องใช้ในการขอคืน VAT

  • แบบฟอร์ม ก.พ.10 (แบบคำขอคืนภาษี)
  • รายการภาษีซื้อ
  • ใบกำกับภาษี
  • สำเนาใบขนสินค้า / เอกสารการขนส่ง
  • เอกสารประกอบอื่น ๆ ที่กรมสรรพากรกำหนด 

4. วิธีการยื่นคำขอคืน VAT

  • ยื่นผ่าน สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนอยู่
  • หรือเลือก ยื่นแบบออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร

สินค้าที่เข้าเกณฑ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund)

ผู้ประกอบการสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้าที่นำไปส่งออกได้ เฉพาะกรณีที่สินค้าเข้าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งโดยทั่วไปต้องเป็น สินค้าที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรอย่างแท้จริง พร้อมมีหลักฐานการส่งออกครบถ้วน

✅ ประเภทของสินค้าที่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทยไปต่างประเทศ
  • ส่งทางเรือ, เครื่องบิน หรือพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
  • ต้องมีใบขนสินค้าขาออกที่ผ่านการตรวจปล่อยจากกรมศุลกากร
  • สินค้าที่อยู่ในรูปของวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตและส่งออก
  • เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุดิบอาหาร บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ
  • ต้องแสดงความเกี่ยวข้องกับสินค้าส่งออกจริง
  • สินค้าที่ขายให้ลูกค้าต่างประเทศและจัดส่งไปต่างประเทศโดยตรง
  • ไม่ใช่การขายให้บุคคลในประเทศแม้ลูกค้าจะอยู่ต่างประเทศ 

❌ สินค้าที่ไม่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่มีการขายและบริโภคภายในประเทศ
  • สินค้าที่ส่งออกแบบ “ไม่มีใบขนสินค้า” หรือไม่มีหลักฐานการเคลื่อนย้ายออกจากประเทศ
  • สินค้าที่นำออกไปแต่ไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรอย่างถูกต้อง

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าส่งออกเป็นสิทธิ์ทางภาษีที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและเงื่อนไขของกรมสรรพากรอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธคำขอหรือเกิดปัญหาในภายหลัง โดยการขอคืนภาษีดังกล่าวมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตามอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของเอกสารประกอบการส่งออก การยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมถึงลักษณะของสินค้าและบริการที่เข้าเกณฑ์ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียด เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่พึงได้รับนั่นเอง

เงื่อนไขการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) สำหรับสินค้าส่งออก

การส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ถือเป็นอีกธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และยังสามารถสร้างมูลค่าการนำเข้าส่งออกได้ทุกปี และตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มของไทยนั้นได้กำหนดให้การส่งออกสินค้า เป็นรายการที่ได้รับยกเว้นภาษีในอัตรา 0% (Zero-rated VAT) เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ส่งออกจะไม่ต้องเสีย VAT สำหรับสินค้าที่ส่งออก แต่สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระไว้กับผู้ขายวัตถุดิบ บริการ หรือสินค้าภายในประเทศได้ และบทความนี้ของ SME Shipping จะพาคุณไปดูการขอคืนภาษี VAT ที่ได้ชำระไว้กับคู่ค้าในประเทศสำหรับสินค้า วัตถุดิบ หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกได้ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด

1.ผู้มีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • เป็นผู้ประกอบการที่ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Registered)
  • มีการ ส่งออกสินค้าจริงตามขั้นตอนทางกฎหมาย
  • มีหลักฐานและเอกสารประกอบที่ครบถ้วนและถูกต้อง 

2. เงื่อนไขสำคัญในการขอคืน VAT

2.1 เป็นรายการสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิ์ VAT 0%

  • การส่งออกสินค้าจากไทยไปต่างประเทศโดยตรง
  • ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าสินค้าออกจากราชอาณาจักรแล้วจริง

2.2มีเอกสารพิสูจน์การส่งออกครบถ้วน

  • ใบขนสินค้าขาออก (Export Declaration)
  • ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ
  • หลักฐานการขนส่ง เช่น ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading / Air Waybill)

2.3ยื่นคำขอคืนภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด

  • ภายใน 3 ปี นับจากวันที่ครบกำหนดการยื่นแบบ ภ.พ.30 ของเดือนที่เกี่ยวข้อง

3. เอกสารที่ต้องใช้ในการขอคืน VAT

  • แบบฟอร์ม ก.พ.10 (แบบคำขอคืนภาษี)
  • รายการภาษีซื้อ
  • ใบกำกับภาษี
  • สำเนาใบขนสินค้า / เอกสารการขนส่ง
  • เอกสารประกอบอื่น ๆ ที่กรมสรรพากรกำหนด 

4. วิธีการยื่นคำขอคืน VAT

  • ยื่นผ่าน สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนอยู่
  • หรือเลือก ยื่นแบบออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร

สินค้าที่เข้าเกณฑ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund)

ผู้ประกอบการสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้าที่นำไปส่งออกได้ เฉพาะกรณีที่สินค้าเข้าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งโดยทั่วไปต้องเป็น สินค้าที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรอย่างแท้จริง พร้อมมีหลักฐานการส่งออกครบถ้วน

✅ ประเภทของสินค้าที่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทยไปต่างประเทศ
  • ส่งทางเรือ, เครื่องบิน หรือพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
  • ต้องมีใบขนสินค้าขาออกที่ผ่านการตรวจปล่อยจากกรมศุลกากร
  • สินค้าที่อยู่ในรูปของวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตและส่งออก
  • เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุดิบอาหาร บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ
  • ต้องแสดงความเกี่ยวข้องกับสินค้าส่งออกจริง
  • สินค้าที่ขายให้ลูกค้าต่างประเทศและจัดส่งไปต่างประเทศโดยตรง
  • ไม่ใช่การขายให้บุคคลในประเทศแม้ลูกค้าจะอยู่ต่างประเทศ 

❌ สินค้าที่ไม่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่มีการขายและบริโภคภายในประเทศ
  • สินค้าที่ส่งออกแบบ “ไม่มีใบขนสินค้า” หรือไม่มีหลักฐานการเคลื่อนย้ายออกจากประเทศ
  • สินค้าที่นำออกไปแต่ไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรอย่างถูกต้อง

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าส่งออกเป็นสิทธิ์ทางภาษีที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและเงื่อนไขของกรมสรรพากรอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธคำขอหรือเกิดปัญหาในภายหลัง โดยการขอคืนภาษีดังกล่าวมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตามอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของเอกสารประกอบการส่งออก การยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมถึงลักษณะของสินค้าและบริการที่เข้าเกณฑ์ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียด เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่พึงได้รับนั่นเอง

เงื่อนไขการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) สำหรับสินค้าส่งออก

การส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ถือเป็นอีกธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และยังสามารถสร้างมูลค่าการนำเข้าส่งออกได้ทุกปี และตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มของไทยนั้นได้กำหนดให้การส่งออกสินค้า เป็นรายการที่ได้รับยกเว้นภาษีในอัตรา 0% (Zero-rated VAT) เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ส่งออกจะไม่ต้องเสีย VAT สำหรับสินค้าที่ส่งออก แต่สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระไว้กับผู้ขายวัตถุดิบ บริการ หรือสินค้าภายในประเทศได้ และบทความนี้ของ SME Shipping จะพาคุณไปดูการขอคืนภาษี VAT ที่ได้ชำระไว้กับคู่ค้าในประเทศสำหรับสินค้า วัตถุดิบ หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกได้ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด

1.ผู้มีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • เป็นผู้ประกอบการที่ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Registered)
  • มีการ ส่งออกสินค้าจริงตามขั้นตอนทางกฎหมาย
  • มีหลักฐานและเอกสารประกอบที่ครบถ้วนและถูกต้อง 

2. เงื่อนไขสำคัญในการขอคืน VAT

2.1 เป็นรายการสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิ์ VAT 0%

  • การส่งออกสินค้าจากไทยไปต่างประเทศโดยตรง
  • ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าสินค้าออกจากราชอาณาจักรแล้วจริง

2.2มีเอกสารพิสูจน์การส่งออกครบถ้วน

  • ใบขนสินค้าขาออก (Export Declaration)
  • ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ
  • หลักฐานการขนส่ง เช่น ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading / Air Waybill)

2.3ยื่นคำขอคืนภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด

  • ภายใน 3 ปี นับจากวันที่ครบกำหนดการยื่นแบบ ภ.พ.30 ของเดือนที่เกี่ยวข้อง

3. เอกสารที่ต้องใช้ในการขอคืน VAT

  • แบบฟอร์ม ก.พ.10 (แบบคำขอคืนภาษี)
  • รายการภาษีซื้อ
  • ใบกำกับภาษี
  • สำเนาใบขนสินค้า / เอกสารการขนส่ง
  • เอกสารประกอบอื่น ๆ ที่กรมสรรพากรกำหนด 

4. วิธีการยื่นคำขอคืน VAT

  • ยื่นผ่าน สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนอยู่
  • หรือเลือก ยื่นแบบออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร

สินค้าที่เข้าเกณฑ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund)

ผู้ประกอบการสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้าที่นำไปส่งออกได้ เฉพาะกรณีที่สินค้าเข้าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งโดยทั่วไปต้องเป็น สินค้าที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรอย่างแท้จริง พร้อมมีหลักฐานการส่งออกครบถ้วน

✅ ประเภทของสินค้าที่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทยไปต่างประเทศ
  • ส่งทางเรือ, เครื่องบิน หรือพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
  • ต้องมีใบขนสินค้าขาออกที่ผ่านการตรวจปล่อยจากกรมศุลกากร
  • สินค้าที่อยู่ในรูปของวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตและส่งออก
  • เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุดิบอาหาร บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ
  • ต้องแสดงความเกี่ยวข้องกับสินค้าส่งออกจริง
  • สินค้าที่ขายให้ลูกค้าต่างประเทศและจัดส่งไปต่างประเทศโดยตรง
  • ไม่ใช่การขายให้บุคคลในประเทศแม้ลูกค้าจะอยู่ต่างประเทศ 

❌ สินค้าที่ไม่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่มีการขายและบริโภคภายในประเทศ
  • สินค้าที่ส่งออกแบบ “ไม่มีใบขนสินค้า” หรือไม่มีหลักฐานการเคลื่อนย้ายออกจากประเทศ
  • สินค้าที่นำออกไปแต่ไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรอย่างถูกต้อง

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าส่งออกเป็นสิทธิ์ทางภาษีที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและเงื่อนไขของกรมสรรพากรอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธคำขอหรือเกิดปัญหาในภายหลัง โดยการขอคืนภาษีดังกล่าวมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตามอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของเอกสารประกอบการส่งออก การยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมถึงลักษณะของสินค้าและบริการที่เข้าเกณฑ์ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียด เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่พึงได้รับนั่นเอง

เงื่อนไขการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) สำหรับสินค้าส่งออก

การส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ถือเป็นอีกธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และยังสามารถสร้างมูลค่าการนำเข้าส่งออกได้ทุกปี และตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มของไทยนั้นได้กำหนดให้การส่งออกสินค้า เป็นรายการที่ได้รับยกเว้นภาษีในอัตรา 0% (Zero-rated VAT) เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ส่งออกจะไม่ต้องเสีย VAT สำหรับสินค้าที่ส่งออก แต่สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระไว้กับผู้ขายวัตถุดิบ บริการ หรือสินค้าภายในประเทศได้ และบทความนี้ของ SME Shipping จะพาคุณไปดูการขอคืนภาษี VAT ที่ได้ชำระไว้กับคู่ค้าในประเทศสำหรับสินค้า วัตถุดิบ หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกได้ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด

1.ผู้มีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • เป็นผู้ประกอบการที่ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Registered)
  • มีการ ส่งออกสินค้าจริงตามขั้นตอนทางกฎหมาย
  • มีหลักฐานและเอกสารประกอบที่ครบถ้วนและถูกต้อง 

2. เงื่อนไขสำคัญในการขอคืน VAT

2.1 เป็นรายการสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิ์ VAT 0%

  • การส่งออกสินค้าจากไทยไปต่างประเทศโดยตรง
  • ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าสินค้าออกจากราชอาณาจักรแล้วจริง

2.2มีเอกสารพิสูจน์การส่งออกครบถ้วน

  • ใบขนสินค้าขาออก (Export Declaration)
  • ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ
  • หลักฐานการขนส่ง เช่น ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading / Air Waybill)

2.3ยื่นคำขอคืนภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด

  • ภายใน 3 ปี นับจากวันที่ครบกำหนดการยื่นแบบ ภ.พ.30 ของเดือนที่เกี่ยวข้อง

3. เอกสารที่ต้องใช้ในการขอคืน VAT

  • แบบฟอร์ม ก.พ.10 (แบบคำขอคืนภาษี)
  • รายการภาษีซื้อ
  • ใบกำกับภาษี
  • สำเนาใบขนสินค้า / เอกสารการขนส่ง
  • เอกสารประกอบอื่น ๆ ที่กรมสรรพากรกำหนด 

4. วิธีการยื่นคำขอคืน VAT

  • ยื่นผ่าน สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนอยู่
  • หรือเลือก ยื่นแบบออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร

สินค้าที่เข้าเกณฑ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund)

ผู้ประกอบการสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้าที่นำไปส่งออกได้ เฉพาะกรณีที่สินค้าเข้าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งโดยทั่วไปต้องเป็น สินค้าที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรอย่างแท้จริง พร้อมมีหลักฐานการส่งออกครบถ้วน

✅ ประเภทของสินค้าที่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทยไปต่างประเทศ
  • ส่งทางเรือ, เครื่องบิน หรือพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
  • ต้องมีใบขนสินค้าขาออกที่ผ่านการตรวจปล่อยจากกรมศุลกากร
  • สินค้าที่อยู่ในรูปของวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตและส่งออก
  • เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุดิบอาหาร บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ
  • ต้องแสดงความเกี่ยวข้องกับสินค้าส่งออกจริง
  • สินค้าที่ขายให้ลูกค้าต่างประเทศและจัดส่งไปต่างประเทศโดยตรง
  • ไม่ใช่การขายให้บุคคลในประเทศแม้ลูกค้าจะอยู่ต่างประเทศ 

❌ สินค้าที่ไม่เข้าเกณฑ์

  • สินค้าที่มีการขายและบริโภคภายในประเทศ
  • สินค้าที่ส่งออกแบบ “ไม่มีใบขนสินค้า” หรือไม่มีหลักฐานการเคลื่อนย้ายออกจากประเทศ
  • สินค้าที่นำออกไปแต่ไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรอย่างถูกต้อง

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าส่งออกเป็นสิทธิ์ทางภาษีที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและเงื่อนไขของกรมสรรพากรอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธคำขอหรือเกิดปัญหาในภายหลัง โดยการขอคืนภาษีดังกล่าวมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตามอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของเอกสารประกอบการส่งออก การยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมถึงลักษณะของสินค้าและบริการที่เข้าเกณฑ์ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียด เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่พึงได้รับนั่นเอง