BLOG

ขนส่ง dhl กับระบบ Workflow ครอบคลุมได้ทั่วโลก

ขนส่ง dhl กับระบบ Workflow ครอบคลุมได้ทั่วโลก

ขนส่ง dhl  ในวันที่ทั้งโลกอยู่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล ทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีอิทธิพลในการใช้ชีวิตเกือบ 100% ทั้งการสื่อสาร, คมนาคม, สินค้าอุปโภค บริโภคในชีวิตประจำวัน ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โลกธุรกิจ เกิดการขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้บริโภคยุคใหม่เช่นกัน   การใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน สร้างกระบวนการทำงานแบบ Automate เพื่อทดแทนการทำงานที่ต้องใช้มนุษย์ ช่วยเร่งให้ธุรกิจเติบโตเร็วขึ้น จากความสามารถด้านการประมวลผล, เพิ่มประสิทธิภาพให้การตรวจสอบ และทำให้กระบวนการทำงานเป็นไปโดยอัตโนมัติให้ได้มากที่สุด เช่น ระบบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Machine learning, เครื่องมือแบบ Low-code/no-code, เครื่องมือจัดกระบวนการเอกสารภายในองค์กร เป็นต้น   ซึ่ง ระบบ Workflow จัดอยู่ในส่วนหนึ่งของ Hyperautomation เช่นกัน เพราะเป็นเทคโนโลยีใช้จัดการโครงสร้างการทำงานภายในองค์กร ตั้งแต่การระบุตำแหน่งบุคลากร แผนก และงานที่รับผิดชอบ โดยที่ผู้ใช้งานระบบสามารถประสานงาน และจัดการงานเอกสาร, ข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบ Workflow และที่สำคัญคือ ตัวระบบเป็นแบบ Low-code เข้าใช้ได้หลายอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต พร้อมวิธีการใช้งานแบบง่าย ๆ ให้คุณสามารถ จัด Workflow ทั้งองค์กร ได้เพียงแค่ลากเมาส์ ขนส่ง dhl หากคุณเป็นหนึ่งในองค์กรที่อยากปรับตัวตามเทรนด์เทคโนโลยีวันนี้ เรามีตัวอย่างองค์กรระดับโลกที่นำระบบ Workflow ไปใช้ในกระบวนการทำงานแบบครอบคลุมได้ทั่วโลกในระบบเดียว ผู้ให้บริการขนส่งทั้งภายในและระหว่างประเทศ ใช้เทคโนโลยี Cognitive Workflow Automation พัฒนาในส่วนของกระบวนการกระจายสินค้าไปทั่วโลก ซึ่งมีการทำงานตลอด 24 ชม. โดยการส่งสินค้าไปแต่ละประเทศต้องผ่านจุดส่งมอบหลายสิบจุด ให้เป็นไปตาม 7 ขั้นตอนหลัก ดังนี้  
  1. Pick Up: เข้ารับพัสดุที่ต้องการจัดส่ง
  2. Outbound: แยกประเภทพัสดุ/ประเทศปลายทางเพื่อส่งไปสนามบิน
  3. Export: ลำเลียงพัสดุเข้าตู้เก็บสินค้าและเตรียมส่งออก
  4. Transit: ทำการขนส่งทางอากาศสู่ประเทศปลายทาง
  5. Import: ตรวจสอบพัสดุโดยศุลกากรประเทศปลายทาง
  6. Inbound: กระจายพัสดุให้คนส่งของในพื้นที่
  7. Delivery: จัดส่งพัสดุถึงหน้าบ้านผู้รับ
  แน่นอนว่ากว่าจะผ่านทั้ง 7 ขั้นตอน ต้องเจอกับเอกสารหลายล้านฉบับในระหว่างทางการขนส่ง ซึ่งเอกสารแต่ละฉบับก็จะมีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกันไปตามพื้นที่ – ขั้นตอนดำเนินการ ตั้งแต่ใบกำกับสินค้า (แสดงข้อมูลและราคาสินค้า), ใบนำส่ง (แสดง Tracking Number), ใบตราส่งสินค้าทางเรือ/ทางอากาศ, ใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก, บัญชีสินค้า/แพ็กเกจ รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่ใช้ยื่นกรมศุลกากร       นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือเข้ามาเพิ่มความสะดวกให้พนักงานใช้จัดการเอกสาร คือ โปรแกรม Optical Character Recognition (OCR) ตัวช่วยอ่านข้อความจากเอกสาร PDF ไฟล์รูปภาพ หรือลายมือในเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) ส่งผลให้ข้อมูลที่ใช้ประสานงาน มีความแม่นยำมากกว่า 99% ยิ่งใช้ร่วมกับระบบ Workflow ก็ยิ่งเพิ่มความคล่องตัวในการขนส่งให้รวดเร็วขึ้น บริการอย่างต่อเนื่องและรักษามาตรฐานการบริการ    

ขนส่ง dhl 3 ประเด็นสำคัญ ที่ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ระบบ Workflow เข้าไปพัฒนารูปแบบการทำงาน ดังนี้

 

1.สามารถกำหนดเส้นทางการทำงานได้ชัดเจน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าระบบ Workflow ก็เหมือนผังองค์กรในรูปแบบออนไลน์ แต่สามารถใช้ทำงานได้ด้วย อย่าง DHL ที่นำเอากระบวนการกระจายสินค้าทั่วโลกอยู่ในระบบเดียว เพื่อให้ข้อมูลมันสามารถดำเนินการไปได้อัตโนมัติตามเส้นทางการขนส่งทั้ง 7 ขั้นตอน ไม่ต้องมีบุคลากรมาคอยถือใบเอกสารเพื่อนำไปประสานงาน หรือนับข้อมูลว่าครบถ้วนหรือไม่  

2.จัดการข้อมูลและเอกสารแบบ Real Time

เห็นได้จากตัวอย่างเอกสารการขนส่งของ DHL ที่มีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกัน เช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ ย่อมมีการใช้ฟอร์มเอกสารภายในองค์กรไม่เหมือนกัน ไหนจะเอกสารบัญชี จัดซื้อหรืองานลูกค้า ซึ่งผู้ใช้งานระบบ Workflow สามารถแยกเอกสารได้ตามโครงการ อีกทั้งส่งต่อ แจ้งแก้ไข ขออนุมัติ โดยสามารถติดตามสถานะเอกสารแต่ละฉบับได้แบบ Real Time  

3.มีระบบเก็บข้อมูลให้ตรวจสอบย้อนหลังได้

เมื่อผู้ใช้งานมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลในเอกสาร ระบบ Workflow จะยังคงเก็บประวัติ Version เก่าไว้ โดยในการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง สามารถดูได้ว่าใครคือคนแก้ไข และเกิดขึ้นเมื่อวัน/เวลาใด ที่สำคัญเอกสารทุกฉบับสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเฉพาะผู้เกี่ยวข้องได้ เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญขององค์กรสูญหาย   อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดไหน ก็ควรเลือกระบบ Workflow ที่เหมาะกับรูปแบบธุรกิจ และวิถีการทำงานของบุคลากร คือไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนเกินไป ซึ่งระบบ Workflow สามารถปรับเส้นทางการทำงาน ได้ตามโครงสร้างของทุกองค์กร  

ทำไมต้องส่งกับ SME SHIPPING

เราเชี่ยวชาญด้านบริการครบวงจรเรื่องการขนส่ง ครอบคลุมทุกเส้นทางทั่วโลก

– ส่งง่าย เรามีบริการรับส่งแบบ Door to Door พร้อมทำเอกสารให้กับลูกค้า

– ส่งไว เราส่งสินค้าวันต่อวัน ถึงมือปลายทางรวดเร็ว 2-5 วัน เท่านั้น

– ส่งได้ทั่วโลก เราส่งได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศ พร้อมรับประกันสินค้าสูงสุด 10,000 บาท

 

SME SHIPPING ส่งของให้กับคุณ

บริการส่งของสินค้าไปต่างประเทศ ส่งง่าย ส่งได้ทั่วโลก

ส่งไปได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศทั้งทางรถ ทางเรือ ทางเครื่องบิน ชิ้นเดียวก็ส่งได้ ส่งได้ทั่วโลก รับประกันสูงสุด

ขนส่ง dhl กับระบบ Workflow ครอบคลุมได้ทั่วโลก

ขนส่ง dhl กับระบบ Workflow ครอบคลุมได้ทั่วโลก

ขนส่ง dhl  ในวันที่ทั้งโลกอยู่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล ทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีอิทธิพลในการใช้ชีวิตเกือบ 100% ทั้งการสื่อสาร, คมนาคม, สินค้าอุปโภค บริโภคในชีวิตประจำวัน ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โลกธุรกิจ เกิดการขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้บริโภคยุคใหม่เช่นกัน   การใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน สร้างกระบวนการทำงานแบบ Automate เพื่อทดแทนการทำงานที่ต้องใช้มนุษย์ ช่วยเร่งให้ธุรกิจเติบโตเร็วขึ้น จากความสามารถด้านการประมวลผล, เพิ่มประสิทธิภาพให้การตรวจสอบ และทำให้กระบวนการทำงานเป็นไปโดยอัตโนมัติให้ได้มากที่สุด เช่น ระบบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Machine learning, เครื่องมือแบบ Low-code/no-code, เครื่องมือจัดกระบวนการเอกสารภายในองค์กร เป็นต้น   ซึ่ง ระบบ Workflow จัดอยู่ในส่วนหนึ่งของ Hyperautomation เช่นกัน เพราะเป็นเทคโนโลยีใช้จัดการโครงสร้างการทำงานภายในองค์กร ตั้งแต่การระบุตำแหน่งบุคลากร แผนก และงานที่รับผิดชอบ โดยที่ผู้ใช้งานระบบสามารถประสานงาน และจัดการงานเอกสาร, ข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบ Workflow และที่สำคัญคือ ตัวระบบเป็นแบบ Low-code เข้าใช้ได้หลายอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต พร้อมวิธีการใช้งานแบบง่าย ๆ ให้คุณสามารถ จัด Workflow ทั้งองค์กร ได้เพียงแค่ลากเมาส์ ขนส่ง dhl หากคุณเป็นหนึ่งในองค์กรที่อยากปรับตัวตามเทรนด์เทคโนโลยีวันนี้ เรามีตัวอย่างองค์กรระดับโลกที่นำระบบ Workflow ไปใช้ในกระบวนการทำงานแบบครอบคลุมได้ทั่วโลกในระบบเดียว ผู้ให้บริการขนส่งทั้งภายในและระหว่างประเทศ ใช้เทคโนโลยี Cognitive Workflow Automation พัฒนาในส่วนของกระบวนการกระจายสินค้าไปทั่วโลก ซึ่งมีการทำงานตลอด 24 ชม. โดยการส่งสินค้าไปแต่ละประเทศต้องผ่านจุดส่งมอบหลายสิบจุด ให้เป็นไปตาม 7 ขั้นตอนหลัก ดังนี้  
  1. Pick Up: เข้ารับพัสดุที่ต้องการจัดส่ง
  2. Outbound: แยกประเภทพัสดุ/ประเทศปลายทางเพื่อส่งไปสนามบิน
  3. Export: ลำเลียงพัสดุเข้าตู้เก็บสินค้าและเตรียมส่งออก
  4. Transit: ทำการขนส่งทางอากาศสู่ประเทศปลายทาง
  5. Import: ตรวจสอบพัสดุโดยศุลกากรประเทศปลายทาง
  6. Inbound: กระจายพัสดุให้คนส่งของในพื้นที่
  7. Delivery: จัดส่งพัสดุถึงหน้าบ้านผู้รับ
  แน่นอนว่ากว่าจะผ่านทั้ง 7 ขั้นตอน ต้องเจอกับเอกสารหลายล้านฉบับในระหว่างทางการขนส่ง ซึ่งเอกสารแต่ละฉบับก็จะมีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกันไปตามพื้นที่ – ขั้นตอนดำเนินการ ตั้งแต่ใบกำกับสินค้า (แสดงข้อมูลและราคาสินค้า), ใบนำส่ง (แสดง Tracking Number), ใบตราส่งสินค้าทางเรือ/ทางอากาศ, ใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก, บัญชีสินค้า/แพ็กเกจ รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่ใช้ยื่นกรมศุลกากร       นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือเข้ามาเพิ่มความสะดวกให้พนักงานใช้จัดการเอกสาร คือ โปรแกรม Optical Character Recognition (OCR) ตัวช่วยอ่านข้อความจากเอกสาร PDF ไฟล์รูปภาพ หรือลายมือในเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) ส่งผลให้ข้อมูลที่ใช้ประสานงาน มีความแม่นยำมากกว่า 99% ยิ่งใช้ร่วมกับระบบ Workflow ก็ยิ่งเพิ่มความคล่องตัวในการขนส่งให้รวดเร็วขึ้น บริการอย่างต่อเนื่องและรักษามาตรฐานการบริการ    

ขนส่ง dhl 3 ประเด็นสำคัญ ที่ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ระบบ Workflow เข้าไปพัฒนารูปแบบการทำงาน ดังนี้

 

1.สามารถกำหนดเส้นทางการทำงานได้ชัดเจน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าระบบ Workflow ก็เหมือนผังองค์กรในรูปแบบออนไลน์ แต่สามารถใช้ทำงานได้ด้วย อย่าง DHL ที่นำเอากระบวนการกระจายสินค้าทั่วโลกอยู่ในระบบเดียว เพื่อให้ข้อมูลมันสามารถดำเนินการไปได้อัตโนมัติตามเส้นทางการขนส่งทั้ง 7 ขั้นตอน ไม่ต้องมีบุคลากรมาคอยถือใบเอกสารเพื่อนำไปประสานงาน หรือนับข้อมูลว่าครบถ้วนหรือไม่  

2.จัดการข้อมูลและเอกสารแบบ Real Time

เห็นได้จากตัวอย่างเอกสารการขนส่งของ DHL ที่มีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกัน เช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ ย่อมมีการใช้ฟอร์มเอกสารภายในองค์กรไม่เหมือนกัน ไหนจะเอกสารบัญชี จัดซื้อหรืองานลูกค้า ซึ่งผู้ใช้งานระบบ Workflow สามารถแยกเอกสารได้ตามโครงการ อีกทั้งส่งต่อ แจ้งแก้ไข ขออนุมัติ โดยสามารถติดตามสถานะเอกสารแต่ละฉบับได้แบบ Real Time  

3.มีระบบเก็บข้อมูลให้ตรวจสอบย้อนหลังได้

เมื่อผู้ใช้งานมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลในเอกสาร ระบบ Workflow จะยังคงเก็บประวัติ Version เก่าไว้ โดยในการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง สามารถดูได้ว่าใครคือคนแก้ไข และเกิดขึ้นเมื่อวัน/เวลาใด ที่สำคัญเอกสารทุกฉบับสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเฉพาะผู้เกี่ยวข้องได้ เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญขององค์กรสูญหาย   อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดไหน ก็ควรเลือกระบบ Workflow ที่เหมาะกับรูปแบบธุรกิจ และวิถีการทำงานของบุคลากร คือไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนเกินไป ซึ่งระบบ Workflow สามารถปรับเส้นทางการทำงาน ได้ตามโครงสร้างของทุกองค์กร  

ทำไมต้องส่งกับ SME SHIPPING

เราเชี่ยวชาญด้านบริการครบวงจรเรื่องการขนส่ง ครอบคลุมทุกเส้นทางทั่วโลก

– ส่งง่าย เรามีบริการรับส่งแบบ Door to Door พร้อมทำเอกสารให้กับลูกค้า

– ส่งไว เราส่งสินค้าวันต่อวัน ถึงมือปลายทางรวดเร็ว 2-5 วัน เท่านั้น

– ส่งได้ทั่วโลก เราส่งได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศ พร้อมรับประกันสินค้าสูงสุด 10,000 บาท

 

SME SHIPPING ส่งของให้กับคุณ

บริการส่งของสินค้าไปต่างประเทศ ส่งง่าย ส่งได้ทั่วโลก

ส่งไปได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศทั้งทางรถ ทางเรือ ทางเครื่องบิน ชิ้นเดียวก็ส่งได้ ส่งได้ทั่วโลก รับประกันสูงสุด

ขนส่ง dhl กับระบบ Workflow ครอบคลุมได้ทั่วโลก

ขนส่ง dhl  ในวันที่ทั้งโลกอยู่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล ทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีอิทธิพลในการใช้ชีวิตเกือบ 100% ทั้งการสื่อสาร, คมนาคม, สินค้าอุปโภค บริโภคในชีวิตประจำวัน ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โลกธุรกิจ เกิดการขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้บริโภคยุคใหม่เช่นกัน   การใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน สร้างกระบวนการทำงานแบบ Automate เพื่อทดแทนการทำงานที่ต้องใช้มนุษย์ ช่วยเร่งให้ธุรกิจเติบโตเร็วขึ้น จากความสามารถด้านการประมวลผล, เพิ่มประสิทธิภาพให้การตรวจสอบ และทำให้กระบวนการทำงานเป็นไปโดยอัตโนมัติให้ได้มากที่สุด เช่น ระบบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Machine learning, เครื่องมือแบบ Low-code/no-code, เครื่องมือจัดกระบวนการเอกสารภายในองค์กร เป็นต้น   ซึ่ง ระบบ Workflow จัดอยู่ในส่วนหนึ่งของ Hyperautomation เช่นกัน เพราะเป็นเทคโนโลยีใช้จัดการโครงสร้างการทำงานภายในองค์กร ตั้งแต่การระบุตำแหน่งบุคลากร แผนก และงานที่รับผิดชอบ โดยที่ผู้ใช้งานระบบสามารถประสานงาน และจัดการงานเอกสาร, ข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบ Workflow และที่สำคัญคือ ตัวระบบเป็นแบบ Low-code เข้าใช้ได้หลายอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต พร้อมวิธีการใช้งานแบบง่าย ๆ ให้คุณสามารถ จัด Workflow ทั้งองค์กร ได้เพียงแค่ลากเมาส์ ขนส่ง dhl หากคุณเป็นหนึ่งในองค์กรที่อยากปรับตัวตามเทรนด์เทคโนโลยีวันนี้ เรามีตัวอย่างองค์กรระดับโลกที่นำระบบ Workflow ไปใช้ในกระบวนการทำงานแบบครอบคลุมได้ทั่วโลกในระบบเดียว ผู้ให้บริการขนส่งทั้งภายในและระหว่างประเทศ ใช้เทคโนโลยี Cognitive Workflow Automation พัฒนาในส่วนของกระบวนการกระจายสินค้าไปทั่วโลก ซึ่งมีการทำงานตลอด 24 ชม. โดยการส่งสินค้าไปแต่ละประเทศต้องผ่านจุดส่งมอบหลายสิบจุด ให้เป็นไปตาม 7 ขั้นตอนหลัก ดังนี้  
  1. Pick Up: เข้ารับพัสดุที่ต้องการจัดส่ง
  2. Outbound: แยกประเภทพัสดุ/ประเทศปลายทางเพื่อส่งไปสนามบิน
  3. Export: ลำเลียงพัสดุเข้าตู้เก็บสินค้าและเตรียมส่งออก
  4. Transit: ทำการขนส่งทางอากาศสู่ประเทศปลายทาง
  5. Import: ตรวจสอบพัสดุโดยศุลกากรประเทศปลายทาง
  6. Inbound: กระจายพัสดุให้คนส่งของในพื้นที่
  7. Delivery: จัดส่งพัสดุถึงหน้าบ้านผู้รับ
  แน่นอนว่ากว่าจะผ่านทั้ง 7 ขั้นตอน ต้องเจอกับเอกสารหลายล้านฉบับในระหว่างทางการขนส่ง ซึ่งเอกสารแต่ละฉบับก็จะมีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกันไปตามพื้นที่ – ขั้นตอนดำเนินการ ตั้งแต่ใบกำกับสินค้า (แสดงข้อมูลและราคาสินค้า), ใบนำส่ง (แสดง Tracking Number), ใบตราส่งสินค้าทางเรือ/ทางอากาศ, ใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก, บัญชีสินค้า/แพ็กเกจ รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่ใช้ยื่นกรมศุลกากร       นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือเข้ามาเพิ่มความสะดวกให้พนักงานใช้จัดการเอกสาร คือ โปรแกรม Optical Character Recognition (OCR) ตัวช่วยอ่านข้อความจากเอกสาร PDF ไฟล์รูปภาพ หรือลายมือในเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) ส่งผลให้ข้อมูลที่ใช้ประสานงาน มีความแม่นยำมากกว่า 99% ยิ่งใช้ร่วมกับระบบ Workflow ก็ยิ่งเพิ่มความคล่องตัวในการขนส่งให้รวดเร็วขึ้น บริการอย่างต่อเนื่องและรักษามาตรฐานการบริการ    

ขนส่ง dhl 3 ประเด็นสำคัญ ที่ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ระบบ Workflow เข้าไปพัฒนารูปแบบการทำงาน ดังนี้

 

1.สามารถกำหนดเส้นทางการทำงานได้ชัดเจน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าระบบ Workflow ก็เหมือนผังองค์กรในรูปแบบออนไลน์ แต่สามารถใช้ทำงานได้ด้วย อย่าง DHL ที่นำเอากระบวนการกระจายสินค้าทั่วโลกอยู่ในระบบเดียว เพื่อให้ข้อมูลมันสามารถดำเนินการไปได้อัตโนมัติตามเส้นทางการขนส่งทั้ง 7 ขั้นตอน ไม่ต้องมีบุคลากรมาคอยถือใบเอกสารเพื่อนำไปประสานงาน หรือนับข้อมูลว่าครบถ้วนหรือไม่  

2.จัดการข้อมูลและเอกสารแบบ Real Time

เห็นได้จากตัวอย่างเอกสารการขนส่งของ DHL ที่มีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกัน เช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ ย่อมมีการใช้ฟอร์มเอกสารภายในองค์กรไม่เหมือนกัน ไหนจะเอกสารบัญชี จัดซื้อหรืองานลูกค้า ซึ่งผู้ใช้งานระบบ Workflow สามารถแยกเอกสารได้ตามโครงการ อีกทั้งส่งต่อ แจ้งแก้ไข ขออนุมัติ โดยสามารถติดตามสถานะเอกสารแต่ละฉบับได้แบบ Real Time  

3.มีระบบเก็บข้อมูลให้ตรวจสอบย้อนหลังได้

เมื่อผู้ใช้งานมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลในเอกสาร ระบบ Workflow จะยังคงเก็บประวัติ Version เก่าไว้ โดยในการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง สามารถดูได้ว่าใครคือคนแก้ไข และเกิดขึ้นเมื่อวัน/เวลาใด ที่สำคัญเอกสารทุกฉบับสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเฉพาะผู้เกี่ยวข้องได้ เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญขององค์กรสูญหาย   อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดไหน ก็ควรเลือกระบบ Workflow ที่เหมาะกับรูปแบบธุรกิจ และวิถีการทำงานของบุคลากร คือไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนเกินไป ซึ่งระบบ Workflow สามารถปรับเส้นทางการทำงาน ได้ตามโครงสร้างของทุกองค์กร  

ทำไมต้องส่งกับ SME SHIPPING

เราเชี่ยวชาญด้านบริการครบวงจรเรื่องการขนส่ง ครอบคลุมทุกเส้นทางทั่วโลก

– ส่งง่าย เรามีบริการรับส่งแบบ Door to Door พร้อมทำเอกสารให้กับลูกค้า

– ส่งไว เราส่งสินค้าวันต่อวัน ถึงมือปลายทางรวดเร็ว 2-5 วัน เท่านั้น

– ส่งได้ทั่วโลก เราส่งได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศ พร้อมรับประกันสินค้าสูงสุด 10,000 บาท

 

SME SHIPPING ส่งของให้กับคุณ

บริการส่งของสินค้าไปต่างประเทศ ส่งง่าย ส่งได้ทั่วโลก

ส่งไปได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศทั้งทางรถ ทางเรือ ทางเครื่องบิน ชิ้นเดียวก็ส่งได้ ส่งได้ทั่วโลก รับประกันสูงสุด

ขนส่ง dhl กับระบบ Workflow ครอบคลุมได้ทั่วโลก

ขนส่ง dhl  ในวันที่ทั้งโลกอยู่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล ทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีอิทธิพลในการใช้ชีวิตเกือบ 100% ทั้งการสื่อสาร, คมนาคม, สินค้าอุปโภค บริโภคในชีวิตประจำวัน ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โลกธุรกิจ เกิดการขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้บริโภคยุคใหม่เช่นกัน   การใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน สร้างกระบวนการทำงานแบบ Automate เพื่อทดแทนการทำงานที่ต้องใช้มนุษย์ ช่วยเร่งให้ธุรกิจเติบโตเร็วขึ้น จากความสามารถด้านการประมวลผล, เพิ่มประสิทธิภาพให้การตรวจสอบ และทำให้กระบวนการทำงานเป็นไปโดยอัตโนมัติให้ได้มากที่สุด เช่น ระบบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Machine learning, เครื่องมือแบบ Low-code/no-code, เครื่องมือจัดกระบวนการเอกสารภายในองค์กร เป็นต้น   ซึ่ง ระบบ Workflow จัดอยู่ในส่วนหนึ่งของ Hyperautomation เช่นกัน เพราะเป็นเทคโนโลยีใช้จัดการโครงสร้างการทำงานภายในองค์กร ตั้งแต่การระบุตำแหน่งบุคลากร แผนก และงานที่รับผิดชอบ โดยที่ผู้ใช้งานระบบสามารถประสานงาน และจัดการงานเอกสาร, ข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบ Workflow และที่สำคัญคือ ตัวระบบเป็นแบบ Low-code เข้าใช้ได้หลายอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต พร้อมวิธีการใช้งานแบบง่าย ๆ ให้คุณสามารถ จัด Workflow ทั้งองค์กร ได้เพียงแค่ลากเมาส์ ขนส่ง dhl หากคุณเป็นหนึ่งในองค์กรที่อยากปรับตัวตามเทรนด์เทคโนโลยีวันนี้ เรามีตัวอย่างองค์กรระดับโลกที่นำระบบ Workflow ไปใช้ในกระบวนการทำงานแบบครอบคลุมได้ทั่วโลกในระบบเดียว ผู้ให้บริการขนส่งทั้งภายในและระหว่างประเทศ ใช้เทคโนโลยี Cognitive Workflow Automation พัฒนาในส่วนของกระบวนการกระจายสินค้าไปทั่วโลก ซึ่งมีการทำงานตลอด 24 ชม. โดยการส่งสินค้าไปแต่ละประเทศต้องผ่านจุดส่งมอบหลายสิบจุด ให้เป็นไปตาม 7 ขั้นตอนหลัก ดังนี้  
  1. Pick Up: เข้ารับพัสดุที่ต้องการจัดส่ง
  2. Outbound: แยกประเภทพัสดุ/ประเทศปลายทางเพื่อส่งไปสนามบิน
  3. Export: ลำเลียงพัสดุเข้าตู้เก็บสินค้าและเตรียมส่งออก
  4. Transit: ทำการขนส่งทางอากาศสู่ประเทศปลายทาง
  5. Import: ตรวจสอบพัสดุโดยศุลกากรประเทศปลายทาง
  6. Inbound: กระจายพัสดุให้คนส่งของในพื้นที่
  7. Delivery: จัดส่งพัสดุถึงหน้าบ้านผู้รับ
  แน่นอนว่ากว่าจะผ่านทั้ง 7 ขั้นตอน ต้องเจอกับเอกสารหลายล้านฉบับในระหว่างทางการขนส่ง ซึ่งเอกสารแต่ละฉบับก็จะมีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกันไปตามพื้นที่ – ขั้นตอนดำเนินการ ตั้งแต่ใบกำกับสินค้า (แสดงข้อมูลและราคาสินค้า), ใบนำส่ง (แสดง Tracking Number), ใบตราส่งสินค้าทางเรือ/ทางอากาศ, ใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก, บัญชีสินค้า/แพ็กเกจ รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่ใช้ยื่นกรมศุลกากร       นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือเข้ามาเพิ่มความสะดวกให้พนักงานใช้จัดการเอกสาร คือ โปรแกรม Optical Character Recognition (OCR) ตัวช่วยอ่านข้อความจากเอกสาร PDF ไฟล์รูปภาพ หรือลายมือในเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) ส่งผลให้ข้อมูลที่ใช้ประสานงาน มีความแม่นยำมากกว่า 99% ยิ่งใช้ร่วมกับระบบ Workflow ก็ยิ่งเพิ่มความคล่องตัวในการขนส่งให้รวดเร็วขึ้น บริการอย่างต่อเนื่องและรักษามาตรฐานการบริการ    

ขนส่ง dhl 3 ประเด็นสำคัญ ที่ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ระบบ Workflow เข้าไปพัฒนารูปแบบการทำงาน ดังนี้

 

1.สามารถกำหนดเส้นทางการทำงานได้ชัดเจน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าระบบ Workflow ก็เหมือนผังองค์กรในรูปแบบออนไลน์ แต่สามารถใช้ทำงานได้ด้วย อย่าง DHL ที่นำเอากระบวนการกระจายสินค้าทั่วโลกอยู่ในระบบเดียว เพื่อให้ข้อมูลมันสามารถดำเนินการไปได้อัตโนมัติตามเส้นทางการขนส่งทั้ง 7 ขั้นตอน ไม่ต้องมีบุคลากรมาคอยถือใบเอกสารเพื่อนำไปประสานงาน หรือนับข้อมูลว่าครบถ้วนหรือไม่  

2.จัดการข้อมูลและเอกสารแบบ Real Time

เห็นได้จากตัวอย่างเอกสารการขนส่งของ DHL ที่มีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกัน เช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ ย่อมมีการใช้ฟอร์มเอกสารภายในองค์กรไม่เหมือนกัน ไหนจะเอกสารบัญชี จัดซื้อหรืองานลูกค้า ซึ่งผู้ใช้งานระบบ Workflow สามารถแยกเอกสารได้ตามโครงการ อีกทั้งส่งต่อ แจ้งแก้ไข ขออนุมัติ โดยสามารถติดตามสถานะเอกสารแต่ละฉบับได้แบบ Real Time  

3.มีระบบเก็บข้อมูลให้ตรวจสอบย้อนหลังได้

เมื่อผู้ใช้งานมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลในเอกสาร ระบบ Workflow จะยังคงเก็บประวัติ Version เก่าไว้ โดยในการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง สามารถดูได้ว่าใครคือคนแก้ไข และเกิดขึ้นเมื่อวัน/เวลาใด ที่สำคัญเอกสารทุกฉบับสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเฉพาะผู้เกี่ยวข้องได้ เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญขององค์กรสูญหาย   อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดไหน ก็ควรเลือกระบบ Workflow ที่เหมาะกับรูปแบบธุรกิจ และวิถีการทำงานของบุคลากร คือไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนเกินไป ซึ่งระบบ Workflow สามารถปรับเส้นทางการทำงาน ได้ตามโครงสร้างของทุกองค์กร  

ทำไมต้องส่งกับ SME SHIPPING

เราเชี่ยวชาญด้านบริการครบวงจรเรื่องการขนส่ง ครอบคลุมทุกเส้นทางทั่วโลก

– ส่งง่าย เรามีบริการรับส่งแบบ Door to Door พร้อมทำเอกสารให้กับลูกค้า

– ส่งไว เราส่งสินค้าวันต่อวัน ถึงมือปลายทางรวดเร็ว 2-5 วัน เท่านั้น

– ส่งได้ทั่วโลก เราส่งได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศ พร้อมรับประกันสินค้าสูงสุด 10,000 บาท

 

SME SHIPPING ส่งของให้กับคุณ

บริการส่งของสินค้าไปต่างประเทศ ส่งง่าย ส่งได้ทั่วโลก

ส่งไปได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศทั้งทางรถ ทางเรือ ทางเครื่องบิน ชิ้นเดียวก็ส่งได้ ส่งได้ทั่วโลก รับประกันสูงสุด

ขนส่ง dhl กับระบบ Workflow ครอบคลุมได้ทั่วโลก

ขนส่ง dhl  ในวันที่ทั้งโลกอยู่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล ทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีอิทธิพลในการใช้ชีวิตเกือบ 100% ทั้งการสื่อสาร, คมนาคม, สินค้าอุปโภค บริโภคในชีวิตประจำวัน ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โลกธุรกิจ เกิดการขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้บริโภคยุคใหม่เช่นกัน   การใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน สร้างกระบวนการทำงานแบบ Automate เพื่อทดแทนการทำงานที่ต้องใช้มนุษย์ ช่วยเร่งให้ธุรกิจเติบโตเร็วขึ้น จากความสามารถด้านการประมวลผล, เพิ่มประสิทธิภาพให้การตรวจสอบ และทำให้กระบวนการทำงานเป็นไปโดยอัตโนมัติให้ได้มากที่สุด เช่น ระบบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Machine learning, เครื่องมือแบบ Low-code/no-code, เครื่องมือจัดกระบวนการเอกสารภายในองค์กร เป็นต้น   ซึ่ง ระบบ Workflow จัดอยู่ในส่วนหนึ่งของ Hyperautomation เช่นกัน เพราะเป็นเทคโนโลยีใช้จัดการโครงสร้างการทำงานภายในองค์กร ตั้งแต่การระบุตำแหน่งบุคลากร แผนก และงานที่รับผิดชอบ โดยที่ผู้ใช้งานระบบสามารถประสานงาน และจัดการงานเอกสาร, ข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบ Workflow และที่สำคัญคือ ตัวระบบเป็นแบบ Low-code เข้าใช้ได้หลายอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต พร้อมวิธีการใช้งานแบบง่าย ๆ ให้คุณสามารถ จัด Workflow ทั้งองค์กร ได้เพียงแค่ลากเมาส์ ขนส่ง dhl หากคุณเป็นหนึ่งในองค์กรที่อยากปรับตัวตามเทรนด์เทคโนโลยีวันนี้ เรามีตัวอย่างองค์กรระดับโลกที่นำระบบ Workflow ไปใช้ในกระบวนการทำงานแบบครอบคลุมได้ทั่วโลกในระบบเดียว ผู้ให้บริการขนส่งทั้งภายในและระหว่างประเทศ ใช้เทคโนโลยี Cognitive Workflow Automation พัฒนาในส่วนของกระบวนการกระจายสินค้าไปทั่วโลก ซึ่งมีการทำงานตลอด 24 ชม. โดยการส่งสินค้าไปแต่ละประเทศต้องผ่านจุดส่งมอบหลายสิบจุด ให้เป็นไปตาม 7 ขั้นตอนหลัก ดังนี้  
  1. Pick Up: เข้ารับพัสดุที่ต้องการจัดส่ง
  2. Outbound: แยกประเภทพัสดุ/ประเทศปลายทางเพื่อส่งไปสนามบิน
  3. Export: ลำเลียงพัสดุเข้าตู้เก็บสินค้าและเตรียมส่งออก
  4. Transit: ทำการขนส่งทางอากาศสู่ประเทศปลายทาง
  5. Import: ตรวจสอบพัสดุโดยศุลกากรประเทศปลายทาง
  6. Inbound: กระจายพัสดุให้คนส่งของในพื้นที่
  7. Delivery: จัดส่งพัสดุถึงหน้าบ้านผู้รับ
  แน่นอนว่ากว่าจะผ่านทั้ง 7 ขั้นตอน ต้องเจอกับเอกสารหลายล้านฉบับในระหว่างทางการขนส่ง ซึ่งเอกสารแต่ละฉบับก็จะมีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกันไปตามพื้นที่ – ขั้นตอนดำเนินการ ตั้งแต่ใบกำกับสินค้า (แสดงข้อมูลและราคาสินค้า), ใบนำส่ง (แสดง Tracking Number), ใบตราส่งสินค้าทางเรือ/ทางอากาศ, ใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก, บัญชีสินค้า/แพ็กเกจ รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่ใช้ยื่นกรมศุลกากร       นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือเข้ามาเพิ่มความสะดวกให้พนักงานใช้จัดการเอกสาร คือ โปรแกรม Optical Character Recognition (OCR) ตัวช่วยอ่านข้อความจากเอกสาร PDF ไฟล์รูปภาพ หรือลายมือในเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) ส่งผลให้ข้อมูลที่ใช้ประสานงาน มีความแม่นยำมากกว่า 99% ยิ่งใช้ร่วมกับระบบ Workflow ก็ยิ่งเพิ่มความคล่องตัวในการขนส่งให้รวดเร็วขึ้น บริการอย่างต่อเนื่องและรักษามาตรฐานการบริการ    

ขนส่ง dhl 3 ประเด็นสำคัญ ที่ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ระบบ Workflow เข้าไปพัฒนารูปแบบการทำงาน ดังนี้

 

1.สามารถกำหนดเส้นทางการทำงานได้ชัดเจน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าระบบ Workflow ก็เหมือนผังองค์กรในรูปแบบออนไลน์ แต่สามารถใช้ทำงานได้ด้วย อย่าง DHL ที่นำเอากระบวนการกระจายสินค้าทั่วโลกอยู่ในระบบเดียว เพื่อให้ข้อมูลมันสามารถดำเนินการไปได้อัตโนมัติตามเส้นทางการขนส่งทั้ง 7 ขั้นตอน ไม่ต้องมีบุคลากรมาคอยถือใบเอกสารเพื่อนำไปประสานงาน หรือนับข้อมูลว่าครบถ้วนหรือไม่  

2.จัดการข้อมูลและเอกสารแบบ Real Time

เห็นได้จากตัวอย่างเอกสารการขนส่งของ DHL ที่มีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกัน เช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ ย่อมมีการใช้ฟอร์มเอกสารภายในองค์กรไม่เหมือนกัน ไหนจะเอกสารบัญชี จัดซื้อหรืองานลูกค้า ซึ่งผู้ใช้งานระบบ Workflow สามารถแยกเอกสารได้ตามโครงการ อีกทั้งส่งต่อ แจ้งแก้ไข ขออนุมัติ โดยสามารถติดตามสถานะเอกสารแต่ละฉบับได้แบบ Real Time  

3.มีระบบเก็บข้อมูลให้ตรวจสอบย้อนหลังได้

เมื่อผู้ใช้งานมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลในเอกสาร ระบบ Workflow จะยังคงเก็บประวัติ Version เก่าไว้ โดยในการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง สามารถดูได้ว่าใครคือคนแก้ไข และเกิดขึ้นเมื่อวัน/เวลาใด ที่สำคัญเอกสารทุกฉบับสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเฉพาะผู้เกี่ยวข้องได้ เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญขององค์กรสูญหาย   อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดไหน ก็ควรเลือกระบบ Workflow ที่เหมาะกับรูปแบบธุรกิจ และวิถีการทำงานของบุคลากร คือไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนเกินไป ซึ่งระบบ Workflow สามารถปรับเส้นทางการทำงาน ได้ตามโครงสร้างของทุกองค์กร  

ทำไมต้องส่งกับ SME SHIPPING

เราเชี่ยวชาญด้านบริการครบวงจรเรื่องการขนส่ง ครอบคลุมทุกเส้นทางทั่วโลก

– ส่งง่าย เรามีบริการรับส่งแบบ Door to Door พร้อมทำเอกสารให้กับลูกค้า

– ส่งไว เราส่งสินค้าวันต่อวัน ถึงมือปลายทางรวดเร็ว 2-5 วัน เท่านั้น

– ส่งได้ทั่วโลก เราส่งได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศ พร้อมรับประกันสินค้าสูงสุด 10,000 บาท

 

SME SHIPPING ส่งของให้กับคุณ

บริการส่งของสินค้าไปต่างประเทศ ส่งง่าย ส่งได้ทั่วโลก

ส่งไปได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศทั้งทางรถ ทางเรือ ทางเครื่องบิน ชิ้นเดียวก็ส่งได้ ส่งได้ทั่วโลก รับประกันสูงสุด

ขนส่ง dhl กับระบบ Workflow ครอบคลุมได้ทั่วโลก

ขนส่ง dhl  ในวันที่ทั้งโลกอยู่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล ทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีอิทธิพลในการใช้ชีวิตเกือบ 100% ทั้งการสื่อสาร, คมนาคม, สินค้าอุปโภค บริโภคในชีวิตประจำวัน ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โลกธุรกิจ เกิดการขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้บริโภคยุคใหม่เช่นกัน   การใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน สร้างกระบวนการทำงานแบบ Automate เพื่อทดแทนการทำงานที่ต้องใช้มนุษย์ ช่วยเร่งให้ธุรกิจเติบโตเร็วขึ้น จากความสามารถด้านการประมวลผล, เพิ่มประสิทธิภาพให้การตรวจสอบ และทำให้กระบวนการทำงานเป็นไปโดยอัตโนมัติให้ได้มากที่สุด เช่น ระบบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Machine learning, เครื่องมือแบบ Low-code/no-code, เครื่องมือจัดกระบวนการเอกสารภายในองค์กร เป็นต้น   ซึ่ง ระบบ Workflow จัดอยู่ในส่วนหนึ่งของ Hyperautomation เช่นกัน เพราะเป็นเทคโนโลยีใช้จัดการโครงสร้างการทำงานภายในองค์กร ตั้งแต่การระบุตำแหน่งบุคลากร แผนก และงานที่รับผิดชอบ โดยที่ผู้ใช้งานระบบสามารถประสานงาน และจัดการงานเอกสาร, ข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบ Workflow และที่สำคัญคือ ตัวระบบเป็นแบบ Low-code เข้าใช้ได้หลายอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต พร้อมวิธีการใช้งานแบบง่าย ๆ ให้คุณสามารถ จัด Workflow ทั้งองค์กร ได้เพียงแค่ลากเมาส์ ขนส่ง dhl หากคุณเป็นหนึ่งในองค์กรที่อยากปรับตัวตามเทรนด์เทคโนโลยีวันนี้ เรามีตัวอย่างองค์กรระดับโลกที่นำระบบ Workflow ไปใช้ในกระบวนการทำงานแบบครอบคลุมได้ทั่วโลกในระบบเดียว ผู้ให้บริการขนส่งทั้งภายในและระหว่างประเทศ ใช้เทคโนโลยี Cognitive Workflow Automation พัฒนาในส่วนของกระบวนการกระจายสินค้าไปทั่วโลก ซึ่งมีการทำงานตลอด 24 ชม. โดยการส่งสินค้าไปแต่ละประเทศต้องผ่านจุดส่งมอบหลายสิบจุด ให้เป็นไปตาม 7 ขั้นตอนหลัก ดังนี้  
  1. Pick Up: เข้ารับพัสดุที่ต้องการจัดส่ง
  2. Outbound: แยกประเภทพัสดุ/ประเทศปลายทางเพื่อส่งไปสนามบิน
  3. Export: ลำเลียงพัสดุเข้าตู้เก็บสินค้าและเตรียมส่งออก
  4. Transit: ทำการขนส่งทางอากาศสู่ประเทศปลายทาง
  5. Import: ตรวจสอบพัสดุโดยศุลกากรประเทศปลายทาง
  6. Inbound: กระจายพัสดุให้คนส่งของในพื้นที่
  7. Delivery: จัดส่งพัสดุถึงหน้าบ้านผู้รับ
  แน่นอนว่ากว่าจะผ่านทั้ง 7 ขั้นตอน ต้องเจอกับเอกสารหลายล้านฉบับในระหว่างทางการขนส่ง ซึ่งเอกสารแต่ละฉบับก็จะมีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกันไปตามพื้นที่ – ขั้นตอนดำเนินการ ตั้งแต่ใบกำกับสินค้า (แสดงข้อมูลและราคาสินค้า), ใบนำส่ง (แสดง Tracking Number), ใบตราส่งสินค้าทางเรือ/ทางอากาศ, ใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก, บัญชีสินค้า/แพ็กเกจ รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่ใช้ยื่นกรมศุลกากร       นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือเข้ามาเพิ่มความสะดวกให้พนักงานใช้จัดการเอกสาร คือ โปรแกรม Optical Character Recognition (OCR) ตัวช่วยอ่านข้อความจากเอกสาร PDF ไฟล์รูปภาพ หรือลายมือในเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) ส่งผลให้ข้อมูลที่ใช้ประสานงาน มีความแม่นยำมากกว่า 99% ยิ่งใช้ร่วมกับระบบ Workflow ก็ยิ่งเพิ่มความคล่องตัวในการขนส่งให้รวดเร็วขึ้น บริการอย่างต่อเนื่องและรักษามาตรฐานการบริการ    

ขนส่ง dhl 3 ประเด็นสำคัญ ที่ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ระบบ Workflow เข้าไปพัฒนารูปแบบการทำงาน ดังนี้

 

1.สามารถกำหนดเส้นทางการทำงานได้ชัดเจน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าระบบ Workflow ก็เหมือนผังองค์กรในรูปแบบออนไลน์ แต่สามารถใช้ทำงานได้ด้วย อย่าง DHL ที่นำเอากระบวนการกระจายสินค้าทั่วโลกอยู่ในระบบเดียว เพื่อให้ข้อมูลมันสามารถดำเนินการไปได้อัตโนมัติตามเส้นทางการขนส่งทั้ง 7 ขั้นตอน ไม่ต้องมีบุคลากรมาคอยถือใบเอกสารเพื่อนำไปประสานงาน หรือนับข้อมูลว่าครบถ้วนหรือไม่  

2.จัดการข้อมูลและเอกสารแบบ Real Time

เห็นได้จากตัวอย่างเอกสารการขนส่งของ DHL ที่มีข้อมูลและรูปแบบแตกต่างกัน เช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ ย่อมมีการใช้ฟอร์มเอกสารภายในองค์กรไม่เหมือนกัน ไหนจะเอกสารบัญชี จัดซื้อหรืองานลูกค้า ซึ่งผู้ใช้งานระบบ Workflow สามารถแยกเอกสารได้ตามโครงการ อีกทั้งส่งต่อ แจ้งแก้ไข ขออนุมัติ โดยสามารถติดตามสถานะเอกสารแต่ละฉบับได้แบบ Real Time  

3.มีระบบเก็บข้อมูลให้ตรวจสอบย้อนหลังได้

เมื่อผู้ใช้งานมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลในเอกสาร ระบบ Workflow จะยังคงเก็บประวัติ Version เก่าไว้ โดยในการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง สามารถดูได้ว่าใครคือคนแก้ไข และเกิดขึ้นเมื่อวัน/เวลาใด ที่สำคัญเอกสารทุกฉบับสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเฉพาะผู้เกี่ยวข้องได้ เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญขององค์กรสูญหาย   อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดไหน ก็ควรเลือกระบบ Workflow ที่เหมาะกับรูปแบบธุรกิจ และวิถีการทำงานของบุคลากร คือไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนเกินไป ซึ่งระบบ Workflow สามารถปรับเส้นทางการทำงาน ได้ตามโครงสร้างของทุกองค์กร  

ทำไมต้องส่งกับ SME SHIPPING

เราเชี่ยวชาญด้านบริการครบวงจรเรื่องการขนส่ง ครอบคลุมทุกเส้นทางทั่วโลก

– ส่งง่าย เรามีบริการรับส่งแบบ Door to Door พร้อมทำเอกสารให้กับลูกค้า

– ส่งไว เราส่งสินค้าวันต่อวัน ถึงมือปลายทางรวดเร็ว 2-5 วัน เท่านั้น

– ส่งได้ทั่วโลก เราส่งได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศ พร้อมรับประกันสินค้าสูงสุด 10,000 บาท

 

SME SHIPPING ส่งของให้กับคุณ

บริการส่งของสินค้าไปต่างประเทศ ส่งง่าย ส่งได้ทั่วโลก

ส่งไปได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศทั้งทางรถ ทางเรือ ทางเครื่องบิน ชิ้นเดียวก็ส่งได้ ส่งได้ทั่วโลก รับประกันสูงสุด